ชงพ.ร.บ.อีอีซีเข้าสนช.28กันยา เล็งคลอดพีพีพี4เมกะโปรเจค

 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดงานสัมมนา “อีอีซี แม่เหล็กเศรษฐกิจไทยเชื่อมโลก” วันที่ 21 ก.ย. ว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพ.ร.บ.การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะเร่งนำ พ.ร.บ.นี้เข้าสู่ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยในวันที่ 25 ก.ย.นี้ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกรศ.) กำหนดจะหารือร่วมกับวิปรัฐบาลเพื่อเตรียมนำร่างพ.ร.บ.อีอีซี เสนอให้สนช.พิจารณาในวันที่ 28 ก.ย.นี้ คาดว่า สนช. จะเห็นชอบและมีผลบังคับใช้ได้ภายในปีนี้

โดยประเมินว่าการที่ร่างพ.ร.บ.อีอีซี เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสนช. จะทำให้นักลงทุนต่างชาติมมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น ซึ่งคาดว่าเป้าหมายที่อีอีซี วางไว้ในการดึงดูดการลงทุนบริษัทขนาดใหญ่ที่มีเทคโนโลยี 30 ราย จะเห็นผลเป็นรูปธรรมภายในปีนี้ นอกจากนี้ในวันที่ 23-24 ก.ย.นี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะลงพื้นที่อีอีซี ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อกำหนดแผนพัฒนาสายอาชีพอาชีวศึกษารองรับการลงทุนขนาดใหญ่ในพื้นที่อีอีซี

ในส่วนของการเดินทางไปเยือนประเทศสหรัฐฯของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในช่วงต้นเดือนต.ค.นี้ ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดประเด็นที่จะหารือกับสหรัฐ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้หารือร่วมกับนักลงทุนจากสหรัฐมาโดยตลอด ทำให้มีความเป็นไปได้ที่นักลงทุนสหรัฐจะเข้ามาลงทุนในอีอีซีเพิ่มขึ้น 

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะประกาศพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชน (พีพีพี) โดยโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในอีอีซี 4 โครงการ จะเริ่มร่างทีโออาร์ปลายปีนี้ ก่อนที่จะเปิดประมูลในช่วงต้นปี 2561 และคัดเลือกผู้ลงทุนประมาณ 3-4 เดือน จากนั้นไตรมาสที่ 2 ปีหน้าจะทราบผู้ชนะโครงการลงทุนพีพีพีทั้ง 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4 แสนล้านบาท

สำหรับ 4 โครงการลงทุนพีพีพี ประกอบด้วย 1. โครงการก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 ซึ่งบริษัทแอร์บัสร่วมกับการบินไทยลงทุนศูนย์สร้างซ่อมอากาศยานหรือเอ็มอาร์โอ และยังลงทุนโรงเรียนช่างซ่อมอากาศยาน ซึ่งแอร์บัสและโบอิ้งจะลงทุนในโครงการนี้ มูลค่า 1.6 แสนล้านบาท 2.โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เชื่อมต่อ 3 สนามบิน มูลค่า 1.8 แสนล้านบาท 3.โครงการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุดระยะที่ 3 และ 4. โครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 มูลค่า 6 -8 หมื่นล้านบาท

นายคณิศ แสงสุพรรณ​ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งรัดดำเนินโครงการสนามบินอู่ตะเภาเป็นเมืองการบินภาคตะวันออก มีมูลค่าการลงทุน 1.6 แสนล้านบาท และโครงการรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อม 3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภา) มูลค่าลงทุน 2.1 แสนล้านบาท จะกำหนดการประกาศหลักเกณฑ์ประกวดราคา (ทีโออาร์) ปลายปีนี้ คาดแล้วเสร็จภายใน 5 ปี

ส่วนโครงการพัฒนา 3 ท่าเรือน้ำลึก ขณะนี้แผนพัฒนาท่าเรือสัตหีบได้ดำเนินการเสร็จแล้ว คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างช่วงแรกปลายปีนี้ ส่วนท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือมาบตาพุด คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 6-8 หมื่นล้านบาท มีกำหนดการประกาศทีโออาร์ในปี 2561 และตั้งเป้าว่าจะก่อสร้างเสร็จภายใน 7 ปี

นางดวงใจ อัศวจินตจิตร์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ในส่วนของมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซี ที่ลดหย่อนภาษีเพิ่มอีก 50% เป็นระยะเวลา 5 ปี ต่อเนื่องจากสิทธิประโยชน์เดิมที่ได้รับ ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 31 ธ.ค.2560 บีโอไอได้เตรียมที่จะออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนในอีอีซีฉบับใหม่ออกมาทดแทน ส่วนรายละเอียดการให้สิทธิประโยชน์จะเป็นอย่างไรอยู่ระหว่างพิจารณา