ข่าว

บินไทยยันเพิ่มทุนนกแอร์ ดัน“ปิยะ”เสียบแทน“พาที”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บินไทยยันเพิ่มทุนนกแอร์ ดัน“ปิยะ”เสียบแทน“พาที”

 

นายไบรอัน เลสลี่ เจฟฟรี่ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน บริษัทสายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) NOK แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท รับทราบการลาออกจาก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของนายพาที สารสิน  แต่ได้แต่งตั้งให้นายพาที  ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริษัท พร้อมตั้งนายปิยะ ยอดมณี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  ทั้งสองตำแหน่งให้มีผลตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่11ก.ย.ที่ผ่านมา นกแอร์ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ แต่งตั้งนายสมหมาย ภาษี  เป็นประธานกรรมการบริษัทแทนนายสมใจนึก เองตระกูล มาแล้ว 

 นายพาที กล่าวถึงการลาออกจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ว่าการปรับเปลี่ยนและโยกย้ายครั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการปลด แต่เป็นความสมัครใจที่ตนเป็นคนเสนอให้บอร์ดรับทราบว่า ขอเปลี่ยนแปลงและมั่นใจว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ที่ผ่านมาตนดำรงตำแหน่งมากกว่า14ปี ทางฝ่ายบริหารเห็นสมควรอยากให้ไปดูของภาพรวมของบริษัท  พร้อมแต่งตั้งนายปิยะ ยอดมณี ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารแทน  สำหรับนายปิยะ เป็นผู้มีความสามารถและเชี่ยวชาญ การบริหารจัดการจึงมั่นใจว่า จะทำให้นกแอร์มีการดำเนินงานไปในทิศทางที่ดีขึ้น  นายพาที กล่าวต่อว่าส่วนการเพิ่มทุนของสายการบินนกแอร์นั้นในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นนกแอร์ วันที่20ก.ย.นี้ จะมีความชัดเจนแน่นอน  

นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ประธานคณะกรรมการบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงสายการบินนกแอร์ว่า  ปัจจุบันได้ติดตามการแก้ไขปัญหาของนกแอร์มาโดยตลอด พบว่ามีความคืบหน้า และแผนมีความชัดเจนมาก  โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นคนไทย 40% จะมีการหารือเรื่องนี้เช่นกัน ในส่วนของการบินไทยกำลังหารือกับกลุ่มนี้เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหานกแอร์

ที่ผ่านมาบอร์ดการบินไทยได้หารือการเพิ่มทุนของนกแอร์ ซึ่งมีมติออกมาแล้วว่าจะเพิ่มทุนอีก 2-3 เดือนหลังจากนี้ การตัดสินใจเรื่องนกแอร์ บอร์ดจะต้องหารือทุกขั้นตอนไปพร้อมกัน เพราะการบินไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่  เป็นการทำงานร่วมกันที่ดี  ที่ผ่านมาได้มีมติเรื่องการเพิ่มทุนนกแอร์ไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม นกแอร์ ยังติดปัญหาการแก้ไขสัญญา 2-3 เรื่อง ที่ต้องดำเนินการให้ได้ เพื่อทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมองว่าแบรนดิ้ง นกแอร์ เป็นที่รู้จักในตลาด ขณะที่อัตราการบรรทุกอยู่ที่ 80% แต่ต้องปรับเรื่องราคาและต้นทุน  

ปัจจุบันนกแอร์ มีการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยมีทีมที่ปรึกษาเข้ามาดูแล การที่การบินไทยลงลึกเรื่องแผนการแก้ปัญหานกแอร์ มีเป้าหมายให้นกแอร์ ดำเนินกิจการให้ดีขึ้น และอยากให้นกแอร์ไปต่อได้ เพราะการบินไทยถือหุ้นนกแอร์ 21% ซึ่งเป็นมูลค่าที่การบินไทยต้องรักษาไว้ จึงส่งทีมงานเข้าไปคุยกับผู้ถือหุ้นอย่างใกล้ชิด เพราะมีเป้าหมายต้องทำให้ นกแอร์รอด

“เราต้องทำให้นกแอร์รอด เพราะการบินไทยเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง แม้จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่หรือไม่ในนกแอร์ แต่จะมีความร่วมมือกันแน่นอน เพราะนกแอร์ ต้องอาศัยฟาซิลิตี้ ของการบินไทยอยู่แล้ว” นายอารีพงศ์  กล่าว 

 การที่นายพาทีลาออกครั้งนี้อาจเป็นการเปิดทางที่จะให้การบินไทยตัดสินใจเพิ่มทุนในนกแอร์ เพราะก่อนหน้านี้การบินไทยกับนกแอร์ มีความขัดแย้งสูงว่าจะเพิ่มทุนหรือไม่ จนกระทั่งมีข้อเสนอจากผู้ใหญ่ในการบินไทย เสนอที่จะให้เปลี่ยนผู้บริหารนกแอร์หากจะให้การบินไทยเพิ่มทุน ข้อเสนอดังกล่าวไม่สามารถตกลงได้ ทำให้การเพิ่มทุนของการบินไทยในนกแอร์ที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จ กระทั่งปัจจุบันการบินไทยกลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ2ในนกแอร์ แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นการตัดสินใจให้การบินไทยหันมาเพิ่มทุนในนกแอร์ต่อไป

“ที่ผ่านมาผู้ใหญ่ในการบินไทยก็อึดอัดกับการแก้ปัญหาของนกแอร์ที่ไม่คืบหน้า กระทั่งมีการส่งนางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่การบินไทย  เข้าไปช่วยวางแผนและแก้ปัญหานกแอร์ ในช่วงที่ผ่านมา เพื่อที่จะให้บอร์ดการบินไทยมีความมั่นใจว่านกแอร์แก้ปัญหาได้ลุล่วง เพราะปัญหาของนกแอร์ที่ขาดทุนย่อมส่งผลกระทบต่อการบินไทยในภาพรวม”   

ส่วนการเคลื่อนไหวราคาหุ้นนกแอร์ เมื่อวันที่ 15ก.ย. ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปเกือบชนเพดานการซื้อขาย(ซิลลิ่ง) สูงสุดที่ 6.05 บาท เพิ่มขึ้น 26% เป็นราคาสูงสุดรอบ 7 เดือน ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาปิดตลาดที่ราคา 5.20 บาท เพิ่มขึ้น 8.79% มูลค่าการซื้อขายรวม 995.10ล้านบาท 

นักวิเคราะห์บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า การที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปสูงเนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าการฟื้นฟูบริษัทนกแอร์ น่าจะมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น และประเมินว่าแผนการเพิ่มทุนรอบ 2 น่าจะสำเร็จด้วยดี จึงมีแรงซื้อเข้ามาหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงจากนั้น มีแรงเทขายเพื่อเก็งกำไรออกมาเพื่อผสมโรง คงต้องรอพิจารณาการเพิ่มทุนรอบ2 และกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่จะยังคงเป็นบริษัทการบินไทย หรือกลุ่มจุฬางกูร ขณะเดียวกันก็ต้องรอดูแผนการดำเนินธุรกิจของนกแอร์ด้วย เพราะปัจจุบันผลประกอบการยังไม่ฟื้นตัวได้ง่าย

“ ปัจจัยพื้นฐานยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากเดิม แม้จะมีการเปลี่ยนผู้บริหารนกแอร์ ต้องติดตามหลังจากการเพิ่มทุนรอบ2 ผู้ถือหุ้นใหญ่จะเป็นกลุ่มใด มีแผนการดำเนินธุรกิจอย่างไร หากเป็นโมเดลที่ดี เชื่อได้ว่าจะทำให้นกแอร์ฟื้นตัวขึ้นได้จริง จึงจะพิจารณาว่าควรลงทุนหรือไม่ แต่ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นไปน่าจะเกินปัจจัยพื้นฐานปัจจุบัน” นักวิเคราะห์ กล่าว 

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ระบุว่า ในปี 2560  นกแอร์ รายงานการเพิ่มทุน 2 ครั้ง โดยเดือนมี.ค. 2560 จำนวน 781 ล้านหุ้น ขายผู้ถือหุ้นเดิม (RO) สัดส่วน 1 ต่อ 1 ราคา 2.40 บาท พร้อมกับแจก NOK-W1 สัดส่วน 4 หุ้นต่อ 1 วอร์แรนท์ ราคาใช้สิทธิที่ 5 บาทต่อหุ้นแต่ขายหุ้นเพิ่มทุนได้510 ล้านหุ้น เนื่องจากบริษัทการบินไทย ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ได้สละสิทธิ์การเพิ่มทุน ส่งผลให้ กลุ่มณัฐพล จุฬางกูร ขึ้นแท่นถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 แทน ในสัดส่วน 23.51% ส่วนบริษัทการบินไทยเหลือ การถือหุ้นอันดับ 2  เหลือ 21.57%

ส่วนการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 มีมติบอร์ดเดือน ส.ค. 2560 อนุมัติเพิ่มทุนผู้ถือหุ้นเดิม 1,135 ล้านหุ้น ในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 หุ้นละ 1.50 บาท วันที่ไม่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (XR) วันที่ 26 ก.ย.นี้ วันจองซื้อและชำระค่าหุ้น 16 -20 ต.ค.นี้ จะประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 ก.ย.นี้ 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ