“สมคิด”เล็งทบทวน เอฟทีเอไทย-ออสซี่ 

 

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการหารือกับนางจูลี่ บิชอป (Julie Bishop) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าออสเตรเลีย วานนี้ (3 ส.ค.) ได้หารือกับกับรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะการทำเสรีทางการค้า (เอฟทีเอ) ซึ่งไทยกับออสเตรเลียได้มีการทำร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งควรจะทบทวนข้อตกลงเอฟทีเอเพื่อให้สามารถกระชับความร่วมมือในอุตสาหกรรมและภาคส่วนทางเศรษฐกิจที่ทั้ง 2 ประเทศให้ความสนใจร่วมกันได้มากขึ้น

ทั้งนี้ได้หารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรเลียว่าประเทศไทยอยู่ระหว่างการพัฒนาการศึกษา เพื่อยกระดับประเทศไปสู่ประเทศไทย 4.0 ขณะที่ออสเตรเลียมีความเชี่ยวชาญเรื่องการศึกษา และมีสถานศึกษาชั้นนำที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติจึงอยากให้ออสเตรเลียเข้ามาลงทุนและช่วยพัฒนาระบบการศึกษาในประเทศไทย เช่นเดียวกับในเรื่องของการปฏิรูปภาคเกษตรซึ่งออสเตรเลียถือว่ามีความรู้ในเรื่องการเกษตรทันสมัยจึงอยากให้เข้ามามีส่วนช่วยประเทศไทยในเรื่องนี้

ส่วนความร่วมมือที่จะมีการพัฒนาร่วมกันได้มากขึ้นในเร็วๆ นี้ คือเรื่องของการท่องเที่ยวเนื่องจากออสเตรเลียได้มีการเปิดสถานกงสุลออสเตรเลียประจำประเทศไทยเพิ่มขึ้นที่ จ.ภูเก็ต สะท้อนให้เห็นว่านักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียชื่นชอบการเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย

สำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ซึ่งออสเตรเลียมีความเห็นที่ตรงกันว่าอาร์เซ็ปมีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียและเศรษฐกิจโลกซึ่งออสเตรเลียก็มีท่าทีสนับสนุนความร่วมมืออาร์เซ็ปมากขึ้นเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ขณะที่ความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ

เอเชียแปซิฟิก (ทีพีพี) ก็มีความสำคัญแต่การการกำหนดมาตรฐานสินค้าและการผลิตไว้สูงอาจเป็นอุปสรรคในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของบางประเทศเนื่องจากแต่ละประเทศมีระดับการพัฒนาที่ไม่เท่ากัน

ทั้งนี้ปัจจุบันออสเตรเลียเป็นคู่ค้าอันดับ 8 ของไทย โดยไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 8 ของออสเตรเลีย ในปี 2559 ทั้ง 2 ประเทศมีมูลค่าการค้ารวมกัน 13739.54 ล้านดอลลาร์ โดยไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 6,869.50 ล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12.58% ขณะที่การลงทุนของออสเตรเลียในประเทศไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 2555 ล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร การขนส่ง ขณะที่นักธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนในออสเตรเลียมีมูลค่ารวมประมาณ 3,116 ล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในสาขาอุตสาหกรรมพลังงานและเหมืองแร่ และธุรกิจโรงแรม เป็นต้น

รองนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการที่ นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ จะเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้าว่า ถือเป็นการยืนยันถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐที่มีมาอย่างยาวนาน และถือเป็นการยืนยันความสำคัญของบทบาทประเทศไทยในอาเซียน โดยการมาเยือนในครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ไทยและสหรัฐจะกระชับความสัมพันธ์กันมากขึ้น 

โดยคาดว่าการหารือกันระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐในครั้งนี้ จะไม่มีการหารือในเรื่องที่สหรัฐขาดดุลการค้าประเทศไทย โดยประเด็นดังกล่าวในระดับเจ้าหน้าที่ของทั้ง 2 ประเทศมีการหารือกันแล้วในระยะที่ผ่านมา