ชงกพช.ปลดล็อกเช่าคลังแอลพีจีเขาบ่อยา

นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)วันที่ 31 ก.ค.นี้ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน กระทรวงพลังงาน เตรียมรายงานผลการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)เมื่อวันที่ 5 ก.ค.2560 ที่มีมติเปิดเสรีธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี)ทั้งระบบ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้ เป็นต้นไป 

โดยจะเป็นมิติใหม่ที่เปิดให้มีผู้นำเข้าแอลพีจีมากกว่า 1 ราย จากเดิมที่มี บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) เป็นผู้นำเข้าเพียงรายเดียว และเป็นการเตรียมพร้อมรับการแข่งขันนำเข้าแอลพีจีที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต จากกำลังผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่จะลดลง ซึ่งตามเงื่อนไขผู้นำเข้าแอลพีจีจะต้องลงทุนสร้างคลังแอลพีจี หรือเช่าคลังแอลพีจี ที่เขาบ่อยา จ.ชลบุรี ของ ปตท. เพื่อเก็บสำรองแอลพีจีตามกฎหมาย และเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน จากปัจจุบันที่ผ่อนผันให้ใช้คลังเก็บแอลพีจีลอยน้ำได้ 3 ปี

ดังนั้น จะต้องนำเสนอ กพช. เพื่อปลดล็อกให้รายอื่นสามารถเช่าคลังแอลพีจีของ ปตท.ได้ หรือThird Party Access(TPA) ซึ่งเดิมคลังเขาบ่อยา คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติให้ ปตท. เป็นผู้ลงทุน และกำหนดเงื่อนไขค่าตอบแทนการลงทุนเอง เมื่อเปิดเสรีแล้วจึงต้องกำหนดกติกาใหม่ให้เป็นธรรม

นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) กล่าวว่า ปตท.ได้ส่งแผนกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเปิดให้ผู้ค้ารายอื่นสามารถเช่าคลังแอลพีจี ที่เขาบ่อยา ของปตท. มาให้กรมฯพิจารณาแล้ว คาดว่าจะสามารถประกาศหลักเกณฑ์ได้ในวันที่ 1 ส.ค.นี้

ส่วนการประชุม กบง.ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ คาดว่า ราคาขายปลีกแอลพีจีจะไม่เปลี่ยนแปลงจากปัจจุบันอยู่ที่ 20.49 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากราคาตลาดโลกเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก รวมถึงจะประกาศค่าธรรมเนียมส่งออกแอลพีจี สำหรับกรณีนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศแล้วต้องการส่งออกในภายหลัง ให้ชัดเจนขึ้น โดยกำหนดเป็นอัตราเงินบาท อยู่ที่ประมาณ 700 บาทต่อตัน จากเดิมกำหนดไว้ที่ 20 ดอลลาร์ต่อตัน

นายวิฑูรย์ คาดว่า ในอนาคตการนำเข้าแอลพีจีจะเพิ่มขึ้นจากปริมาณก๊าซฯในอ่าวที่ลดลง และอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่เดิมที่มีสัญญาซื้อแอลพีจีจากโรงแยกก๊าซ ประมาณ 5-6 สัญญากำลังจะทยอยหมดอายุลงในปี2564-2570 ซึ่งมีแนวโน้มที่ผู้ประกอบการจะหันไปนำเข้าแอลพีจี