ข่าว

ครม.อนุมัติ 760 ล้าน เสริมศักยภาพสนามบินอู่ตะเภา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ครม.อนุมัติ 760 ล้าน เสริมศักยภาพสนามบินอู่ตะเภา

กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า แผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) ที่ครม.อนุมัติ เป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามแผนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและท่าเรือพาณิชย์สัตหีบจำนวน12โครงการวงเงิน690.77ล้านบาท และอีกหนึ่งโครงการคือค่าใช้จ่ายในการจัดจ้าง บริษัทที่ปรึกษาจัดทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการเขตส่งเสริมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ในส่วนของเมืองการบินภาคตะวันออกวงเงิน70ล้านบาท

“โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาถือเป็นโครงการสาธารณูปโภคที่มีความสำคัญและเป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนในอีอีซี โดยมูลค่าการลงทุนเพื่อพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาทั้ง 3 ระยะจะใช้เงินลงทุนกว่า 1.44 แสนล้านบาท โดยมูลค่ายังไม่รวมโครงการซ่อมบำรุงและการดำเนินงาน(maintenance, repair and operations :MRO) เพื่อให้รองรับผู้โดยสารได้ 15 ล้านคนภายในระยะเวลา 5 ปีจากนั้นจะมีการพัฒนารันเวย์ที่ 2 และอาคารผู้โดยสารที่ 3 เพื่อให้รองรับผู้โดยสารได้เทียบเท่าสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นแผนการใช้ประโยชน์สนามบินพาณิชย์ทั้ง 3 แห่งที่จะมีการเชื่อมโยงกันด้วยรถไฟความเร็วสูงคือสนามบินสุวรรณภูมิ  สนามบินดอนเมือง และสนามบินอู่ตะเภา” กอบศักดิ์ กล่าว    

สำหรับแผนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ จำนวน 12 โครงการวงเงิน 690.77 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.การจ้างศึกษา สำรวจและออกแบบงานก่อสร้าง ไฮสปีดแท็กซี่เวย์ และแท็กซี่เวย์ เพิ่มเติม วงเงิน10ล้านบาท 2.งานก่อสร้างบังเกอร์ เพื่อจัดระเบียบลานจอดอากาศยานแยกพื้นที่จอดอากาศยานทหาร เพื่อความปลอดภัยของเครื่องบินพาณิชย์และเป็นการจัดระเบียบพื้นที่ที่ชัดเจน วงเงิน10ล้านบาท 3.โครงการระบบสารสนเทศอาคารผู้โดยสารหลังที่2วงเงิน69ล้านบาท 4.โครงการจัดหาระบบกล้องวงจรปิด เครื่องเอกซเรย์ และซอฟต์แวร์ในการรักษาความปลอดภัยในอาคารผู้โดยสาร ลานจอดรถ และเส้นทางเข้า-ออก วงเงิน53ล้านบาท 5.โครงการก่อสร้างอาคารเจ้าหน้าที่บริการภาคพื้นวงเงิน19.98ล้านบาท 6.งานจ้างศึกษา สำรวจ และออกแบบ งานก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่2วงเงิน145.29ล้านบาท

7.งานจ้างวางแผนแม่บทโครงการศึกษาความเหมาะสมโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและพื้นที่โดยรอบ จ.ระยอง 135.42 ล้านบาท 8.งานจ้างศึกษา สำรวจ และออกแบบศูนย์ซ่อมอากาศยานเอ็มอาร์โอ วงเงิน100.39ล้านบาท 9.งานจ้างศึกษาสำรวจและออกแบบงานก่อสร้างอาคารรองรับการปฏิบัติงานของแอร์คาร์โก วงเงิน45.67ล้านบาท 10.งานจ้างศึกษา สำรวจ และออกแบบงานก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรด้านการบิน วงเงิน72ล้านบาท 11.งานจ้างศึกษา สำรวจ และออกแบบงานก่อสร้างศูนย์วิจัยเกี่ยวกับอุตสาหกรรมทางทหารวงเงิน9.99ล้านบาท 12.งานจ้างศึกษา สำรวจ และออกแบบระบบสาธารณูปโภค วงเงิน20ล้านบาท

นอกจากนี้ที่ประชุม ครม.ยังได้อนุมัติขยายกรอบวงเงินลงทุนเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารเรียน ศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านการบิน อาคารฝ่ายอำนวยการและสิ่งก่อสร้างประกอบ พร้อมครุภัณฑ์ของสถาบันการบินพลเรือน วงเงิน1,402.79ล้านบาท เพิ่มขึ้น147.31ล้านบาทจากเดิมที่ครม.อนุมัติให้ไปในวงเงิน1,255.48ล้านบาท เนื่องจากค่าก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้น โดยเงินในส่วนนี้จะจัดสรรจากทั้งงบกลาง งบประมาณประจำปี และจากเงินรายได้ของสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) โดยโครงการนี้จะสนับสนุนการผลิตบุคลากรด้านการบินในทุกสาขาโดยเฉพาะด้านช่าง และฝ่ายสนับสนุนโครงการเมืองการบินในพื้นที่อีอีซีด้วย 

เนื่องจากสถาบันการบินพลเรือนของประเทศไทยเป็น 1 ใน 30 ประเทศที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการบินจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ICAO) ซึ่งสามารถที่จะฝึกบุคลากรทางการบินให้ได้มาตรฐานการรับรองตามมาตรฐานระหว่างประเทศของICAO ทำให้การพัฒนาอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพโดยในระยะต่อไป สบพ.จะขอให้องค์การความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป(EASA) มาประเมินมาตรฐานการผลิตบุคลากรการบินของสถาบันต่อไป

“ทั้งโครงการที่ดำเนินการทั้งอู่ตะเภาและศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านการบินจะสนับสนุนให้ไทยมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางทางการบินของภูมิภาค โดยนายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดให้ดำเนินการให้เร็วที่สุดโดยคำนึงถึงความร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาธุรกิจการบินของประเทศไทยด้วย”  ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย

อย่างไรก็ตาม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ให้ความเห็นว่า การปรับเพิ่มขึ้นของวงเงินลงทุนส่งผลต่อความคุ้มค่าของโครงการฯดังนั้นกระทรวงคมนาคมโดย สบพ.ควรกำหนดมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายในการลงทุน โดยเฉพาะค่าสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาด และพิจารณาการเพิ่มรายได้ เช่น การวางแผนการฝึกอบรมบุคลากรร่วมกับหน่วยงานด้านการขนส่งทางอากาศและการปรับอัตราค่าเล่าเรียนให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของ สบพ.ด้วย 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ