ข่าว

"ณรงค์ชัย” ฟันธงเศรษฐกิจไทยฟื้นชัดคาดจีดีพี ปีนี้โต3.5-4%

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ณรงค์ชัย” ฟันธงเศรษฐกิจไทยฟื้นชัด คาด “จีดีพี” ปีนี้โต 3.5-4%

 

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) จัดสัมมนาเรื่อง “เกาะติดเศรษฐกิจไทย(ครึ่งหลังปี60) ...สดใสหรือไร้แวว” โดยเชิญตัวแทนจากทั้งภาคเอกชนและภาครัฐมาวิเคราะห์เจาะลึก ซึ่งส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า ช่วงครึ่งหลังของปีนี้เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยมีภาคการส่งออกเป็นตัวนำ ในขณะที่ค่าเงินบาทหากไม่แข็งค่ามากเกินไปเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าและคู่แข่งขันก็ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย

นายณรงชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) เอ็มเอฟซี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสขยายตัวได้ 3.5-4% ซึ่งเศรษฐกิจในระดับมหภาคถือว่าดีพอใช้ สะท้อนจากค่าเงินบาทแม้แข็งค่าต่อเนื่องและสูงสุดในภูมิภาครองจากเกาหลีใต้ แต่การส่งออกของไทยยังขยายตัวได้ดี เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่สามารถปรับตัวได้ดี 

อย่างไรก็ตามยังมีความเป็นห่วงในระดับจุลภาพ ซึ่งยังมีปัญหาจากซัพพลายไซด์เกี่ยวกับแรงงานและการใช้พื้นที่ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ แต่ภาครัฐเองก็พยายามแก้ปัญหาเรื่องเหล่านี้อยู่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแรงงานต่างด้าวและการใช้พื้นที่ที่ดินทำมาหากินให้โปร่งใส

ทั้งนี้ หากกระบวนการจัดระเบียบดังกล่าว ยังเป็นไปด้วยความล่าช้าและดุเดือด มองว่า อาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรายเล็ก และระยะถัดไปอาจกลายเป็นแรงกดดันต่อการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ใช้แรงงานจำนวนมาก เช่น รับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น

“กระบวนการจัดระเบียบด้านแรงงานและที่ดิน ตั้งแต่คสช. เข้ามาบริหารตั้งแต่ก.ค. 2557 เป็นระยะเวลา2ปีกว่า ยังไม่เรียบร้อย แสดงว่า กระบวนการจัดระเบียบยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอ ในขณะที่ทุกปีทุกเดือนมีคนเพิ่มขึ้น ถ้ายังแก้ไม่เรียบร้อยก็จะกระทบธุรกิจรายเล็กที่ยังมีความต้องการใช้แรงงาน หรือการใช้ที่ดิน โดยเฉพาะที่ดินขนาดใหญ่ สปก. ต้องแก้ให้ได้” 

นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน โดย ธปท. ได้ปรับคาดการณ์จีดีพี ปีนี้เพิ่มขึ้นโดยคาดว่าจะขยายตัวที่ 3.5% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เติบโต 3.2% ในขณะที่ปีหน้า คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.7% โดยมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ,การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ ,การกระจายตัวของรายได้เกษตรกรและราคาน้ำมันที่ทรงตัวได้

แม้ว่าในช่วงครึ่งแรกปีนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจระดับไมโครฯ อาจจะยังมีปัญหาบ้าง ซึ่งยังต้องอาศัยภาคการส่งออกที่ยังต้องใช้เวลา และคาดว่าภาคส่งออก ปีนี้ขยายตัวได้5% ขณะเดียวยังมีปัจจัยลบครึ่งปีหลัง ที่ต้องระวัง จากทิศทางการกีดกันการค้าของสหรัฐ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลก ความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้าย การบริการจัดการ พระราชกำหนด(พ.ร.ก.) แรงงานต่างด้าว

ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ยังคงที่ระดับ1.5% ตลอดทั้งปีนี้ไว้ก่อนเพื่อดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง และทางทิศทางค่าเงินบาท ที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น ยอมรับว่า อาจจะกระทบผู้ส่งออกที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ โดยกระทบกำไร แต่ดีต่อต้นทุนน้ำเข้าเครื่องจักรและน้ำมันลดลง 

อย่างไรก็ตามในบางช่วงที่ค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วเกินไป ธปท.ก็พยายามเข้าไปดูแลไม่ให้แข็งค่าเร็วเกินไปเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค จึงไม่เป็นอุปสรรคในแง่ของความสามารถการแข่งขันมั่นใจว่าส่งออกสิ้นปีจะเติบโตได้ 5% ตามที่คาดไว้

"การที่บาทแข็งค่าขึ้น มาจากดอลลาร์อ่อนค่า ทำให้เราเข้าไปช่วยดูแลได้ไม่มากนัก พบว่า ดอลลาร์อ่อนมากว่าช่วงทรัมป์เข้ามารับตำแหน่ง และค่าเงินบาทเปลี่ยนแปลงเร็ว ปัจจุบันแข็งค่าที่ระดับ 33.50บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ระยะสั้น6เดือนยังคาดเดาทิศทางค่าเงินบาทได้ยาก แต่เราพยายามเข้าไปดูแลค่าเงินบาทระดับหนึ่ง พยายามให้ค่าเงินบาทเกาะกลุ่มภูมิภาค”

นายดอน กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 17 ก.ค. เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงประมาณ 6.67% ขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น 6.17% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ถือเป็นการแข็งค่าอันดับ 3 รองจากเกาหลีใต้ ที่แข็งค่า 6.38% ไต้หวัน 6.44% แต่การแข็งค่าของเงินบาทไม่กระทบความสามารถการแข่งขัน 

นายบวร วงศ์สินอุดม รองประธานสภาพอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) มองว่า ครึ่งหลังปี 2560 ภาพรวมน่าจะสบายใจและดีขึ้น แต่ยังต้องระวัง ต้นทุนการผลิต ถ้าเงินบาทยังแข็งค่าไปมาก ซึ่งธปท. ต้องเข้ามาดูแลใกล้ชิด และภาครัฐเร่งการเบิกจ่ายไม่ให้กระตุก ในปีนี้มีเม็ดเงินเพิ่มขึ้นอีก1.9แสนล้านบาท เป็นตัวชูโรงและทำให้การลงทุนภาคเอกชนขยับตัวตาม

ขณะที่มุมมองต่อภาคอุตสาหกรรมต่างๆ มองว่า ภาคการเกษตร ยานยนต์ อาหาร วัสดุก่อสร้าง ช่วงครึ่งปีหลังปีนี้น่าจะยังดีขึ้น ขณะที่เครื่องนุ่มห่ม น่าจะยังทรงตัว ส่วนอสังหาฯ เริ่มตรึงตัว โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ขณะเดียวกันภาคอุตสาหกรรมไทยต้องปรับตัวเป็นดิจิทัลมากขึ้น 

นายมนูณ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า ความเสี่ยงด้านพลังงานไทยช่วงครึ่งหลังปี 2560 ยังมีมาก แนวโน้มการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศยังเพิ่มขึ้น จากความต้องการพลังงานสูงขึ้นบ้างตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจประมาณ3% , ราคาพลังงานน่าจะยังอยู่ระดับปัจจุบันจนถึงสิ้นปีนี้ , พลังงานทดแทน จะมีบทบาทในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น ,การสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจะเริ่มเดินหน้าได้แต่จะประสบปัญหาการคัดค้านอย่างหนัก,มีการเปิดเสรีในธุรกิจพลังงานมากขึ้นและค่าการกลั่นลดลงจากการที่โรงกลั่นจีนมีกำลังการผลิตส่วนเกินและส่งออกมากขึ้น

ดังนั้นประเทศไทยจะมีความมั่นคงด้านพลังงานหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับสถานการณ์ด้าน พลังงานของประเทศ และต้องร่วมแรง ร่วมใจกันผลักดันรัฐบาลให้สามารถเดินหน้าบริหาร จัดการได้ตามแผนพลังงานที่วางเอาไว้

ทางด้านทิศทางราคาน้ำมันในช่วงครึ่งหลังของปีนี้น่าจะปรับสูงขึ้นที่ระดับ 53-55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือเฉลี่ยทั้งปีที่49-51ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เทียบกับครึ่งแรกของปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่44-46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ผลจากเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจจีนอินเดีย สหรัฐและประเทศผู้ผลิตน้ำมันอาจเติบโตได้ดีกว่าที่คาด

นายเจริญชัย ประเทืองสุขศรี ประธานคณะทำงานโครงการลงทุน สำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) มองว่า อีอีซี มีความชัดเจนเกิดขึ้นได้และต้องผลักดันให้เกิดขึ้นจริงซึ่งจะมีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยหลายด้านในระยะถัดไป

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ