
ลุ้น“บอร์ดขสมก.”เคาะ ราคากลางรถเมล์เอ็นจีวี
ลุ้น“บอร์ดขสมก.”เคาะ ราคากลางรถเมล์เอ็นจีวี
นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) สั่งการให้ ขสมก. เร่งรัดการจัดหารถโดยสารประจำทางที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (รถเมล์เอ็นจีวี) จำนวน 489 คัน หลังโครงการติดปัญหาราคากลางและยังไม่สามารถเปิดประมูลรอบใหม่ได้
แต่วันนี้ (19 ก.ค.) น่าจะมีการรายงานข้อสรุปเรื่องราคากลางให้ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ขสมก. รับทราบ ซึ่งถ้าบอร์ดเห็นชอบให้ใช้ราคากลางเดิม ขสมก.ก็จะเดินหน้าเปิดประมูลโครงการดังกล่าวภายใน 1 เดือนเพื่อจัดหารถเมล์ใหม่ให้ทันปีนี้ตามเป้าหมายของคนร.
ด้านโครงการจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้า (EV)คาดว่ามีความชัดเจนเรื่องการเดินหน้าโครงการภายในเดือนนี้ เนื่องจาก ขสมก. เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอยกเว้นภาษีนำเข้าในช่วงปลายเดือนนี้
แหล่งข่าวจากขสมก. เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการฝ่ายกฎหมาย ขสมก. เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้พิจารณารายละเอียดของหนังสือตอบกลับจากกรมบัญชีกลางเกี่ยวกับเรื่องราคากลางโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีรอบใหม่จำนวน 489 คันพร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษา
โดยกรมบัญชีกลางได้ตอบกลับมา 3 แนวทาง คือ 1.ให้ใช้ราคามาตรฐานที่สำนักงบประมาณกำหนด 2.หากไม่มีราคามาตรฐานที่สำนักงบประมาณกำหนด ให้ใช้ราคาที่เคยจัดซื้อครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา 2 ปีงบประมาณ และ 3.ให้ใช้ราคาตลาด โดยสืบราคาจากตลาด รวมทั้งเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ เป็นราคาอ้างอิง ทั้งนี้การเลือกแนวทางใดๆ ก็ตามให้พิจารณาจากความเหมาะสมของประเภทครุภัณฑ์ที่จะจัดซื้อ และเป็นประโยชน์กับทางราชการมากที่สุด
แหล่งข่าวจาก ขสมก. กล่าวต่อว่า จากการพิจารณาร่วมกันเห็นว่า ที่ผ่านมา ขสมก. ไม่เคยจัดซื้อรถโดยสารประจำทางในลักษณะที่ซื้อ ซ่อมแซม และบำรุงรักษาเหมือนครั้งนี้ จะใช้วิธีเช่าซื้อ ดังนั้นจึงไม่เคยมีราคามาตรฐานที่สำนักงบประมาณกำหนดมาก่อน แนวทางที่ 1 จึงไม่สามารถปฏิบัติได้ ซึ่งจะเหลือแนวทางที่ 2 และ 3
โดยแนวทางที่ 2 การจัดซื้อครั้งหลังสุด เป็นการชนะประมูลโครงการดังกล่าวของ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด วงเงิน 3,387 ล้านบาท ลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2559 ไม่เกิน 2 ปีงบประมาณ แต่แม้โครงการดังกล่าวจะไม่ประสบความสำเร็จ ก็สามารถยึดราคากลางที่ชนะประมูลได้ เพราะถือว่าโครงการนี้ได้ลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างแล้ว และการยกเลิกสัญญาก็มาจากการที่บริษัท เบสท์รินฯ ไม่สามารถส่งมอบรถได้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับราคากลาง จึงเป็นไปได้ที่จะใช้แนวทางที่ 2 สามารถดำเนินการเปิดประมูลได้เลย เพราะมีราคากลางกำหนดไว้อยู่แล้ว และจะทำให้สามารถได้รถเมล์เอ็นจีวีทันภายในปีนี้ด้วย
แหล่งข่าวจาก ขสมก. กล่าวอีกว่า ส่วนแนวทางที่ 3 จะเป็นการกำหนดราคากลางขึ้นมาใหม่ ซึ่งก็ต้องไปตรวจสอบราคาจากท้องตลาด และตามเว็บไซต์ว่าราคาปัจจุบันเป็นอย่างไร และคำนวณออกมาเป็นราคากลาง หากทำตามแนวทางนี้ก็จะใช้เวลาสักระยะในการดำเนินการ
อย่างไรก็ตามที่ประชุมยังไม่ได้ข้อยุติที่ชัดเจนว่าจะเลือกแนวทางใด แต่จะนำไปหารือกับบอร์ด ขสมก. ครั้งสุดท้าย ในวันนี้ (19 ก.ค.) ก่อนบอร์ดชุดปัจจุบันจะหมดวาระลงในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เพื่อพิจารณาให้ได้ข้อสรุปเรื่องราคากลาง และเตรียมเปิดประมูลต่อไป