ข่าว

‘เจซีซี’ตั้งทีมทำงาน2ชุดเดินหน้าถนนเชื่อมทวาย-กาญจนบุรี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

‘เจซีซี’ถกรอบ2ปี ตั้งทีมทำงาน2ชุดเดินหน้าเชื่อมทวาย-กาญจนบุรี

 

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.60 คณะกรรมการประสานงานร่วมระหว่างไทย-เมียนมาเพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง (Myanmar-Thailand Joint Coordinating Committee for the comprehensive development in the Dawei SEZ and its related project areas : JCC) ได้จัดประชุมเป็นครั้งที่ 8 ที่กระทรวงคมนาคม กรุงเทพฯ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ นายตัน มินท์ (Than Myint) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาเป็นประธานร่วม นอกจากนี้ยังมี นายทุน หน่าย (Tun Naing) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงไฟฟ้าและพลังงานของเมียนมาและประธานคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย (Dawei Special Economic Zone Management Committee : DSEZMC) เข้าร่วมประชุม

การประชุมJCCครั้งนี้ห่างจากการประชุมครั้งที่ 7 ราว 2 ปี และนับเป็นการประชุมครั้งแรกนับตั้งแต่รัฐบาลนางออง ซาน ซูจี เข้ารับตำแหน่งในปี 2559

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวในฐานะประธาน JCC ฝ่ายไทยว่า ไทยและเมียนมาแสดงเจตจำนงที่จะร่วมพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่รองรับการลงทุนของภาคเอกชนได้โดยเร็ว เนื่องจากโครงการทวายจะเป็นตัวเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญของเมียนมา และก่อให้เกิดประโยชน์กับทั้งเมียนมา ไทย และภูมิภาคโดยรวม

ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบให้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ (Joint Technical Task Force) 2 ชุด เพื่อเร่งรัดการพัฒนาถนนเชื่อมโยงพื้นที่โครงการทวายสู่ชายแดนไทย/เมียนมาและการพัฒนาโครงการทวายระยะแรก (DSEZ Initail Phase) ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว

คณะทำงานเฉพาะกิจชุดแรกว่าด้วยการพัฒนาถนนเชื่อมโยงพื้นที่โครงการทวาย-ชายแดนไทย/เมียนมา ความกว้าง 2 ช่องจราจร ระยะทาง 138 กิโลเมตร ซึ่งมีผู้แทนของกรมทางหลวง (ทล.) และสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) หรือNEDAเป็นหน่วยงานหลักจากประเทศไทย และผู้แทนจากกรมทางหลวงและกระทรวงวางแผนและการเงิน (Myanmar Investment and Commercial : MICB) เป็นหน่วยงานหลักจากเมียนมา

ในเบื้องต้น ทล. ต้องหารือกับเมียนมาเพื่อปรับแบบรายละเอียดให้ชัดเจนอีกครั้ง เพราะเมียนมากังวลว่าเส้นทางบางส่วนอาจชันเกินไปจึงขอเวลาศึกษาปรับแบบให้เหมาะสม ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เคยเห็นชอบกรอบวงเงินกู้ให้เมียนมาใช้ในก่อสร้างถนนแล้ว 4,500 ล้านบาท แต่ปัจจุบันเมียนมายังไม่ได้ให้คำตอบว่าจะใช้แหล่งเงินกู้จากประเทศไทยหรือไม่

คณะทำงานเฉพาะกิจชุดที่ 2 ว่าด้วยการพัฒนาโครงการทวายระยะแรก ซึ่งมีผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นหน่วยงานหลักจากประเทศไทย และผู้แทนจากกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักจากเมียนมา 

สำหรับโครงการพัฒนาทวายระยะแรกของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ประกอบด้วย 7 โครงการคือ 1.นิคมอุตสาหกรรมขนาด 27 ตารางกิโลเมตร 2.ถนนเชื่อมต่อโครงการทวายมายัง บ.พุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี 3. สถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) 4.ระบบโทรคมนาคม 5. โรงไฟฟ้า 6. ท่าเรือขนาดเล็ก และ 7.อ่างเก็บน้ำ

แต่ขณะนี้ รัฐบาลเมียนมามีแนวคิดจะแยกสัญญาถนนออกมาดำเนินการเองเพื่อสร้างความมั่นให้เอกชนและทำให้ทวายเดินหน้าได้ เพราะเป็นโครงการที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรก ส่วนITDจะไปหารือกับธนาคารเพื่อหาแหล่งเงินกู้ก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมต่อไป 

นอกจากนี้ ยังต้องหารือรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น จะลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าด้วยตัวเอง หรือซื้อไฟฟ้าจากประเทศไทยก่อน ดังนั้นจึงต้องศึกษารายละเอียดและอาจต้องปรับแผนอีกครั้ง 

“คณะทำงานเฉพาะกิจทั้ง 2 ชุดจะต้องหารือรายละเอียดการจัดทำแผนงาน กรอบเวลา และแนวทางดำเนินงานให้เสร็จแล้วนำกลับมาเสนอ JCC ภายใน 3 เดือน โดย JCC กำหนดประชุมครั้งที่ 9 ในเดือน ต.ค. 2560 ที่กรุงเนปิดอว์ประเทศเมียนมา” นายอาคมกล่าว

ขณะเดียวกันยืนยันว่าประเทศญี่ปุ่นยังร่วมมือกับโครงการทวาย โดย สศช. จะเป็นผู้ประสานระหว่างไทย เมียนมา และญี่ปุ่น เพื่อจัดการประชุม 3 ฝ่ายอย่างไม่เป็นทางการที่กรุงเนปิดอว์ให้เร็วที่สุดและจะจัดก่อนการประชุม JCC ครั้งที่ 9 

นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า คณะทำงานเฉพาะกิจจะต้องเสนอรายละเอียดทั้งหมดให้JCCเห็นชอบ จากนั้นจึงเสนอให้คณะกรรมการร่วมระดับสูง (JHC) ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรองประธานาธิบดีเมียนมาเป็นประธานร่วมเห็นชอบอีกครั้ง หลังจากนั้นรัฐบาลเมียนมาจึงสามารถลงนามสัญญาเพื่อให้บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือITDเริ่มดำเนินการก่อสร้างเฟสแรกได้

สำหรับข้อเสนอวงเงินกู้ก่อสร้างถนนเชื่อมระหว่างกาญจนบุรี-ทวายมูลค่า 4,500 ล้านบาทนั้น จะมีระยะเวลา 30 ปีและปลอดดอกเบี้ยในช่วง 10 ปีแรก แต่ยังไม่ได้สรุปอัตราดอกเบี้ยยังไม่ได้สรุป แต่คาดว่าจะต่ำมากไม่ถึง 1%เพื่อให้โครงการเดินหน้าได้ 

นายตัน มินท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา กล่าวว่า ความร่วมมือระดับรัฐบาลเพื่อพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทวายเป็นโครงการสำคัญเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศเมียนมาร์ ซึ่งขณะนี้กระทรวงได้เสนอแนวทางความร่วมมือJCCเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาแล้ว  

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ