‘นกแอร์’คาดแผนปฏิรูป ฟื้นองค์กรพลิกกำไรปี61

 

นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สายการบินนกแอร์อยู่ระหว่างจัดทำแผนปฏิรูปเพื่อพลิกฟื้นกิจการองค์กร เป้าหมายหลักในขณะนี้คือการจัดทำแผนลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ เพราะต้นทุนของนกแอร์ยังอยู่ในระดับสูงและรายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วย (Yield) ลดลง

โดยนกแอร์ต้องเสนอรายละเอียดของแผนดังกล่าวให้คณะกรรมการ (บอร์ด) พิจารณาและคาดว่าจะได้ความเห็นชอบภายในไตรมาสที่ 3 ซึ่งตอนนั้นก็จะเห็นภาพว่า นกแอร์จำเป็นต้องเพิ่มทุนและหาพันธมิตรใหม่หรือไม่ ถ้าหากบริษัทฯ สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนรอบที่ 2 ตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้น

“ยืนยันว่านกแอร์ยังไม่ได้ลงนามกับใครเพื่อศึกษาเรื่องเพิ่มทุนรอบ 2 เพราะทุกอย่างต้องรอความชัดเจนของแผนปฏิรูปก่อน ตอนนี้เราต้องเจรจากับคู่ค้ามากมาย จึงยังบอกอะไรไม่ได้จนกว่าแผนจะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งเราก็จะพยายามกลับมามีกำไรให้ได้ในปีหน้า” นายพาทีกล่าว 

ในช่วงที่ผ่านมานกแอร์ก็เริ่มดำเนินการลดต้นทุนไปบ้างแล้ว โดยไม่ได้รอให้แผนฟื้นฟูแล้วเสร็จ เช่น ได้ปลดระวางเครื่องบินเก่า 3 ลำในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาเพื่อลดค่าซ่อมบำรุง พร้อมรับมอบเครื่องใหม่ในสัปดาห์ก่อน 1 ลำส่งผลให้มีฝูงบินทั้งหมด 33 ลำ ขณะเดียวกันมีนโยบายปรับค่าโดยสารให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพราะในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ก็ได้รับผลกระทบจากสงครามราคาและภาวะอุปสงค์ล้นตลาด

สำหรับกระแสข่าวที่ว่าตนถูกกดดันให้ลาออก หรือตนจะลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารนกแอร์ นายพาทียืนยันว่าไม่เป็นความจริง พร้อมขอร้องให้หยุดนำเสนอข่าวเรื่องดังกล่าว เพราะประเด็นนี้ได้สร้างความสับสนและกังวลใจให้กับผู้ใกล้ชิดรวมถึงพนักงานในองค์กร 

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 60 สายการบินนกแอร์ยังได้รับมอบใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศฉบับใหม่ (AOC Re-certification) จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) โดยถือเป็นสายการบินลำดับที่ 6 ซึ่งได้รับเอโอซีใหม่

นายพาที กล่าวว่า สายการบินนกแอร์ทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้รับเอโอซีใหม่ จึงรู้สึกยินดีที่ประสบความสำเร็จในวันนี้ เพราะเอโอซีจะทำให้นกแอร์เดินหน้าพัฒนาธุรกิจได้อย่างมั่นใจ

โดยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นกแอร์จะเปิดเส้นทางบินแบบเช่าเหมาลำไปยังจีนอีก 5 เส้นทาง เพราะตลาดนักท่องเที่ยวจีนยังคงเติบโตต่อเนื่อง เบื้องต้นจะนำร่องด้วยเส้นทางดอนเมือง-เจิ้งโจว ในเดือน ก.ค. จากนั้นจะทยอยเปิดจนครบ 5 เส้นทางภายในสิ้นปี ส่วนเส้นทางในประเทศยังไม่มีแผนจะขยายเพิ่มเติมจาก 23 เส้นทางในปัจจุบัน

สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปีนี้ถือว่าดีกว่าปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว โดยขณะนี้มีอัตราเฉลี่ยการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ยอยู่ที่ 80%และคาดว่าทั้งปีจะเฉลี่ยอยู่ที่ 82-83% เพราะการท่องเที่ยวของประเทศไทยขยายตัวมาก โดยคาดว่าจำนวนผู้โดยสารของนกแอร์ในปีนี้จะอยู่ที่ 8-9 ล้านคน สูงกว่าปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 8 ล้านคน 

 น.ต. สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายมาตรฐาน ท่าอากาศยานและอาชีวอนามัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า  วันที่ 14ก.ค.นี้ผู้แทนด้านตรวจมาตรฐานความปลอดภัยจากองค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) จะเดินทางมาไทย เริ่มตรวจมาตรฐานตามโปรแกรมด้านการรักษาความปลอดภัย Universal Security Audit Programme (USAP) หลังจากเคยตรวจตามโปรแกรม ในโครงการตรวจสอบการกำกับดูแลความปลอดภัย (Universal Safety Oversight Audit Program; USOAP)เมื่อปี 2558

สำหรับการตรวจมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของ ICAO ในโปรแกรม USAP คาดว่าจะลงพื้นที่ตรวจสนามบินของทอท.ทั้งสุวรรณภูมิและดอนเมือง นอกเหนือจากการตรวจงานกำกับดูแลในส่วนของภาครัฐ ซึ่ง ICAO จะตรวจงานของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) แล้ว ในส่วนสนามบินทั้ง 2 แห่ง มีความเป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่ ICAO ซุ่มตรวจมาตรการต่าง ๆ ตั้งแต่ลงเครื่อง จึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับงานรักษาความปลอดภัยต้องเตรียมพร้อมตลอดช่วงเวลาของโปรแกรม