ข่าว

คลังเคาะ‘ภาษีลาภลอย’5% ชงเข้าครม.อนุมัติเดือนหน้า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คลังเคาะ‘ภาษีลาภลอย’5% ชงเข้าครม.อนุมัติเดือนหน้า

 

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในอีก2-3สัปดาห์ข้างหน้ากระทรวงการคลังเสนอแนวทางการเก็บภาษีลาภลอยเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยแนวทางการเก็บภาษีคือ จะเก็บจากมูลค่าเพิ่มของที่ดินและสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากโครงการรัฐที่มีราคาสูงขึ้นเช่นก่อนหน้านี้ตารางวาละ1แสนบาท พอโครงการรัฐผ่านทำให้ราคาที่ดินปรับขึ้นตารางวาละ4แสนบาท

ดังนั้น หากมีการขายที่ดินเพื่อทำกำไรเจ้าของที่ดินต้องเสียภาษีให้รัฐ5%จากส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นโดยจะกำหนดมูลค่าของสินทรัพย์ที่จัดเก็บว่าต้องเกินว่า50ล้านบาทขึ้นไปเพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนทั่วไป

“ยืนยันว่าการเก็บภาษีดังกล่าวไม่ได้เป็นการเพิ่มภาระให้กับประชาชนหรือธุรกิจที่เป็นเจ้าของที่ดินเพราะจะเสียภาษีต่อเมื่อมีการขายเปลี่ยนมือรวมถึงกำหนดมูลค่าสินทรัพย์เสียภาษีไว้สูงถึง50ล้านบาท กรณีที่หลายคนกังวลว่าผู้ประกอบการจะผลักภาระไปให้ผู้บริโภคนั้นมองว่า ภาษีนี้ไม่สนับสนุนให้ผู้ประกอบการไปผลักภาระให้ผู้ซื้อแต่เป็นการเอาผลกำไรที่ผู้ประกอบการจะได้มาเสียภาษีดังนั้นหากผู้ประกอบการรายใดเอาเปรียบผู้บริโภคไม่ควรไปซื้อ”นายอภิศักดิ์กล่าว

นอกจากนี้จะเสนอกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิเพื่อสนับสนุนสิทธิ์การเช่าภาคสังหาริมทรัพย์ให้มากกว่าในปัจจุบันตรงนี้จะเป็นประโยชน์ต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ทำให้ตลาดโตมากขึ้นโดยก่อนหน้านี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) รับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้วดังนั้นเสนอครม.พร้อมกับภาษีลาภลอย

นายอภิศักดิ์ ยังกล่าวถึง การเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนโครงสร้างพื้นฐานหรือThailand Future Fund(TFF) ว่า จะสามารถเปิดขายได้ภายในเดือนก.ย.หรือต.ค.นี้ โดยกองทุนที่จะเปิดขายนี้ จะขายในวงเงิน 4 หมื่นล้านบาท หลังจากเปิดขายแล้ว ในอนาคตกระทรวงการคลังมีแผนจะขยายวงเงินขายหน่วยลงทุนเป็นแสนล้านบาท

“TFFกองแรกของประเทศไทยจากวงเงิน4หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งในอนาคตกระทรวงการคลัง สามารถนำโครงการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สร้างเสร็จแล้วและมีรายได้ที่แน่นอน เข้ามาใส่ในTFFกองแรกนี้ ซึ่งจะทำให้หน่วยลงทุนในTFFกองแรกมีมากขึ้น และกระจายให้กับนักลงทุนได้มากขึ้น”

เขากล่าวว่า กองแรกของTFFซึ่งเป็นโครงการที่เกิดขึ้นแล้ว(brown field)และมีรายได้ที่แน่นอนแล้วสองโครงการ คือ ฉลองรัฐและบูรพาวิถี โดยนำรายได้ของทั้งสองโครงการมาตั้งเป็นกองทุน ทั้งนี้ สำหรับกองแรกดังกล่าว จะไม่มีการค้ำประกันผลตอบแทนให้แก่นักลงทุน

“นักลงทุนสถาบันต่างชาติให้ความสนใจที่อยากเข้ามาลงทุนในTFFสูงมาก อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ต้องการเน้นนักลงทุนในประเทศโดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยเป็นลำดับแรก สำหรับผลตอบแทนของTFFกองแรกนั้นจะทราบชัดเจน ต้องหลังจากการทำbook buildingแล้ว”

สำหรับกองทุนที่สองนั้นจะเป็นโครงการที่เป็นโครงการที่ยังไม่ได้สร้าง (green field) ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการวางโครงสร้างตัวกองทุน ซึ่งกองที่สองนี้ อาจจะไม่ขายให้กับประชาชนทั่วไป แต่จะขายให้แก่กองทุนเอกชนที่สนใจลงทุน

ทั้งนี้ กองแรกที่เป็นbrown fieldซึ่งไม่มีการค้ำประกันผลตอบแทนจากการลงทุน เนื่องจากเป็นโครงการที่แล้วเสร็จและมีรายได้แน่นอนแล้ว ส่วนโครงการที่เป็นgreen fieldนั้น จะมีการค้ำประกันผลตอบแทน เนื่องจากรายได้ของโครงการยังไม่มีความชัดเจน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ