ข่าว

ค่ายรถ-เครื่องดื่มแอลกอฮอล์-ยาสูบ ลุ้นรัฐคลอดเกณฑ์ภาษีใหม่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ค่ายรถ-เครื่องดื่มแอลกอฮอล์-ยาสูบ ลุ้นรัฐคลอดเกณฑ์ภาษีใหม่

 ธุรกิจจัดเวทีระดมสมอง ให้ข้อมูลกระทรวงคลัง อยู่ระหว่างออกกฎหมายลูก รองรับพ.ร.บ.สรรพสามิตฉบับใหม่ ที่จะบังคับใช้ ก.ย.นี้  “รมช.คลัง” ยันภาษีใหม่ ต้องการสร้างความเป็นธรรม ไม่เน้นจัดเก็บรายได้เพิ่ม แจงหารือเอกชนคำนวณภาษีจากราคาขายปลีกแนะนำใกล้ชิด ขณะ“รถยนต์-เครื่องดื่มแอลกอฮอล์-ยาสูบ” ลุ้นอัตราภาษีใหม่ กระทบธุรกิจ ต้องปรับแผนลงทุน  

หลังรัฐบาลดำเนินนโยบายปฏิรูปโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ โดยรวบกฎหมาย 7 ฉบับมาเหลือเพียงฉบับเดียว ภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 เพื่อให้การจัดเก็บภาษีมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา และจะมีผลบังคับใช้ 180 วันนับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ 16 ก.ย.2560  

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการออกกฎหมายลูกรองรับ ขณะที่ความกังวลของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในฐานะผู้ใช้กฎหมาย จนนำมาสู่การสัมมนา “พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่ ประชาชนได้อะไร” จัดโดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยมีผู้แทนของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ ได้แก่ รถยนต์ เครื่องดื่ม บริการ ยาสูบ ร่วม วันที่ 7 มิ.ย.60 คือ ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับการทำธุรกิจจากอัตราใหม่ในการคำนวณภาษี ที่ปรับจากราคาขาย ณ โรงงานอุตสาหกรรม มาเป็นราคาขายปลีกแนะนำ

นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในงานสัมมนาดังกล่าว ยืนยันว่า การนำพ.ร.บ.สรรพสามิตใหม่มาใช้ เพื่อให้การจัดเก็บภาษีทันสมัยสอดคล้องกับโลกการค้าที่เปลี่ยนไป มีความเป็นธรรม และอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจมากขึ้น

รัฐเร่งสำรวจตลาด-หาราคาแนะนำ   

โดยการปรับฐานภาษี โดยคำนวณจากราคาขายปลีกแนะนำ จะทำให้ฐานภาษีขยายใหญ่ขึ้น โดยการคำนวณราคาขายปลีกแนะนำ ขณะนี้ทางกรมฯได้อยู่ระหว่างการสำรวจตลาด เพื่อหาข้อสรุปว่าจะนำช่องทางขายใดมาเป็นราคาขายปลีกแนะนำ และพยายามจะไม่ลงรายละเอียดโครงสร้างราคามากเกินไปจนกระทบการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับทางการค้าของผู้ประกอบการ ขณะที่ผู้ประกอบการภาคเอกชนก็สามารถเสนอราคาขายปลีกแนะนำมาได้ หากกรณีที่ราคาแนะนำสูงกว่าความเป็นจริง โดยไม่มีเหตุผลก็ต้องหารือกัน

“กรมสรรพสามิตได้เชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งผู้ประกอบการ ผู้บริโภคมาทำความเข้าใจภาษีสรรพสามิตใหม่เพื่อนำความเห็น ข้อกังวล มาพิจารณาปรับปรุงกฎหมายลำดับรองให้เกิดความเหมาะสม เป็นธรรมมากขึ้น โดยภาษีใหม่มุ่งเน้นปรับปรุงระบบและการจัดเก็บภาษีให้ประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่มุ่งเน้นเรื่องรายได้เป็นหลัก หากการจัดเก็บภาษีมีประสิทธิภาพดี รายได้ก็จะตามมา” 

นายสมเดช ศรีสวัสดิ์ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ประเด็นการปรับฐานภาษีใหม่ เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่างๆต้องปรับตัวรับกับกฎหมายใหม่ เนื่องจากมีหลายรายที่กังวลเกี่ยวกับโครงสร้างต้นทุนราคาสินค้า ซึ่งสินค้าบางประเภทยังเป็นความลับทางธุรกิจ แต่ทางกรมฯก็ต้องการเพียงโครงสร้างคร่าวๆเพื่อใช้ในการคำนวณภาษีเท่านั้น ในทางกลับกันหากโครงสร้างราคาที่ผู้ประกอบการให้เป็นราคาขายปลีกแนะนำมาโดยไม่มีรายละเอียด ทางหน่วยงานก็มีอำนาจในการประกาศราคาขายปลีกแนะนำต่อไป 

“ฐานภาษีที่เปลี่ยนแปลงมาก คือการคำนวณภาษีจากราคาขาย ณ โรงงานอุตสาหกรรม CIF (Cost Insurance Freight -ราคารวมค่าระวางและประกันภัยสินค้า) มาเป็นราคาขายปลีกแนะนำ หรือกลุ่มสุราคำนวณจากราคาขายส่งช่วงสุดท้าย เป็นราคาขายปลีกแนะนำ ซึ่งกรมฯได้หารือกับสภาหอการค้าฯในประเด็นดังกล่าว เพราะแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมมีปัญหาแตกต่างกันไป บางสินค้าราคาขายปลีกควรคำนวณจากตรงไหน ก็พยายามตอบคำถาม และในวันนี้ (8มิ.ย.) ก็จะหารือกับสภาหอกาารค้าฯเพิ่มเติมด้วย” 

นายอานุภาพ ทัดพิทักษ์กุล ประธานคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ กฎระเบียบ และภาษีอากร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)ในฐานะผู้แทนอุตสาหกรรมยานยนต์ กล่าวว่า สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะยื่นหนังสือถึงกระทรวงการคลังภายใน 1-2 วันนี้ เพื่อให้เร่งรัดประกาศอัตราภาษีใหม่ เป็นกรณีพิเศษให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ทราบภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการรถยนต์ รถจักรยานยนต์ค่ายต่างๆ สามารถคาดการณ์ วางแผนธุรกิจ และการลงทุนได้

ทั้งนี้ คาดหวังว่าการปรับโครงสร้างภาษีครั้งนี้ จะไม่กระทบต่อภาคธุรกิจ สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 หรือกรณีเลวร้ายสุดจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์รุนแรง หรือเลวร้ายสุดคือการปรับแผนการลงทุน

“ทุกครั้งที่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายภาษี สิ่งที่กังวลคือ ผู้ประกอบการต้องอาศัยเวลาเตรียมการณ์ กว่าจะออกรถยนต์รุ่นใหม่ ต้องใช้เวลาล่วงหน้า 2-3 ปี เพราะเกี่ยวข้องกับผู้ผลิตชิ้นส่วน ซัพพลายเออร์ ทั้งห่วงโซ่การผลิต(ซัพพลายเชน) เป็นพันราย ดังนั้น ทางสมาคมฯวิงวอนกรมสรรพสามิตเป็นกรณีพิเศษให้เร่งรัดการประกาศอัตราภาษีใหม่ให้ทราบ เพื่อให้วางแผนธุรกิจการลงทุนได้ เพราะอุตสาหกรรมนี้ไม่มีปัญหาการกักตุนสินค้า เพราะเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง และมีข้อจำกัดด้านกำลังการผลิต” ค

นายพงศธร อังศุสิงห์ ผู้แทนอุตสาหกรรมยาสูบ กล่าวว่า การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ในมุมของผู้บริโภคมองได้ 3 ด้าน 1.ผู้บริโภคอาจเลิกบริโภคสินค้านั้น 2.ลดการบริโภคสินค้าที่มีผลกระทบต่อสุขภาพลง ซึ่งอาจส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ภาครัฐ แต่ก็ถือเป็นนโยบายรัฐที่ไม่ส่งเสริมให้บริโภคสินค้าที่มีผลเสียต่อสุขภาพ และ3.ผู้บริโภคเปลี่ยนเปลี่ยนพฤติกรรมจากบริโภคสินค้าราคาสูงไปยังสินค้าราคาต่ำลงหรือถูก

ส่วนมุมผู้ประกอบการมองได้ 3 ส่วนเช่นกัน 1.ด้านโครงสร้างภาษี ที่รัฐต้องการควบคุมการบริโภคสินค้าที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้ต้องคำนวณอัตราภาษีจากเชิงปริมาณของสินค้าหรือเชิงมูลค่าผู้ประกอบการต้องติดตาม 2.อัตราภาษี ซึ่งรัฐประกาศชัดว่าการปฏิรูปภาษีสรรพสามิตครั้งนี้ จะไม่ปรับเพิ่มอัตราภาษี โดยปัจจุบันสินค้ายาสูบเสียภาษีทั้งสิ้น 7 ประเภท เช่น ภาษีนำเข้า สรรพสามิตสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เงินบำรุงองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยโดยราคาบุหรี่ 1 ซอง เป็นภาษีเกือบ 60%และเป็นรายได้เข้ารัฐ หากมีการปรับภาษีใหม่ ก็ต้องดูว่าจะกระทบต่อพฤติกรรมผู้บริโภคหรือไม่

3.การบริหารการจัดเก็บภาษี ที่มีกฎหมายลูก 26 ฉบับรองรับ โดยประเด็นที่มีความเป็นห่วงคือแนวททางการสำรวจราคาขายปลีกแนะนำของกรมฯว่าจะใช้ตลาดไหน อย่างไร พิจารณาช่วงเวลาใด ความถี่ใด มาใช้เป็นเกณฑ์การคำนวณอัตราภาษีเพื่อให้เป็นที่ยอมรับแก่ผู้ประกอบการทุกฝ่าย

“ภาษีสรรพสามิตใหม่ ในมิติของผู้บริโภคคือได้เสียภาษีแน่นอน เนื่องจากภาษีสรรพสามิตเป็นภาษีการบริโภคแบบหนึ่ง ที่ประชาชนเสียโดยไม่รู้ตัว เพราะรวมในสินค้าและบริการแล้ว ประชาชนควรเตรียมการ ศึกษากฎหมายให้ละเอียดถี่ถ้วน ออกความเห็นให้การออกกฎหมายลูก เพื่อสะท้อนโครงสร้างปัญหาในเชิงปฏิบัติเพื่อให้การเปลี่ยนถ่ายโครงสร้างภาษีใหม่ราบรื่น” 

นายธนากร คุปตจิตต์นายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย ในฐานะผู้แทนอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ข้อกังวลพ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตใหม่คือโครงสร้างของราคาขายปลีกแนะนำ และการปฏิรูปภาษีครั้งนี้จะเป็นแนวทางหารายได้ของรัฐอยู่หรือไม่ ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังเป็นคำถามของผู้ประกอบการ เพราะหน้าที่ของการจัดเก็บภาษีดังกล่าวเพื่อควบคุมการบริโภคสินค้าบางชนิดที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน รวมถึงเมื่อมีโครงสร้างภาษีใหม่ รัฐบาลมีการจัดเก็บตามจริงเท่าไหร่

ทั้งนี้ กังวลเกี่ยวกับบัญชีแนบท้ายของพ.ร.บ. เกี่ยวกับอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาติขายสุรา ซึ่งเดิมมี 7 ประเภท รวบเหลือ 2 ประเภท คือขายส่งและขายปลีก โดยเพดานของประเภทขายส่งจะอยู่ที่ 1 แสนบาท จากเดิม 1,000 บาท และประเภทขายปลีก 5 หมื่นบาท จาก 500 บาท ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรม ห้างค้าปลีก ร้านค้าทั่วไป ที่ประกอบการจำหน่ายสุรา

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ