ข่าว

เอกชนแนะใช้ฐานข้อมูล เชื่อมไอทีพัฒนาธุรกิจ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เอกชนแนะใช้ฐานข้อมูล เชื่อมไอทีพัฒนาธุรกิจ

                 นายรุ่งโรจน์ รังสิยาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือเครือเอสซีจี กล่าวในงานสัมมนาหัวข้อ“เปลี่ยน...ให้ทันโลก”ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์ประชาชาติว่า เอสซีจีได้ปรับตัวเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ด้านของธุรกิจ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรให้สามารถรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ภายใต้ความเชื่อที่ว่า ถ้าสามารถพัฒนาบุคลากรให้เป็นเลิศได้ ธุรกิจก็จะมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน

                ทั้งนี้ ในอนาคตธุรกิจหรือองค์กรเองจะต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากับบุคลากรจากปัจจุบันที่บุคลากรจะต้องปรับตัวเข้ากับองค์กร ส่วนหนึ่งเพราะคนรุ่นใหม่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาธุรกิจมากขึ้น จากปัจจุบันมีอยู่ 50% โดยคนรุ่นใหม่นี้ จะลดเหลือ 30% แต่จะมีคนรุ่นใหม่กว่าเข้ามาแทนที่ ขณะที่ โอกาสของคนรุ่นใหม่ที่จะไปทำงานอื่นก็มีมากขึ้น ความจงรักภักดีในองค์กรจะเปลี่ยนรูปแบบ และบุคลากรในองค์กรจะมีหลายเชื้อชาติ จำเป็นต้องสร้างให้บุคลากรเหล่านี้มีทิศทางการทำงานที่ใกล้เคียงกัน

              ในมุมธุรกิจของเอสซีจี จะมีการเปลี่ยน และหมายความว่า ธุรกิจอื่นก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน กล่าวคือ ปัจจุบัน 99% ของเอสซีจี เป็นผู้ผลิตแต่อีก 10 ปีข้างหน้าจะลดลงเหลือ 60-70% ส่วนที่เหลือของธุรกิจจะเน้นไปที่การให้บริการหรือสร้างทางเลือกที่ตรงความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ตลาดต่างประเทศของเอสซีจีก็จะต้องขยายตัวมากขึ้นจากปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 40% บุคลากรที่ปัจจุบันเป็นชาวต่างชาติ 9 พันคนจาก 1.5 หมื่นคน ก็จะเพิ่มมากขึ้น

               นอกจากนี้ ธุรกิจที่เคยทำในลักษณะผลิตแล้วให้มีคนรับไปขายต่อ ก็จะเปลี่ยนจากการผลิตที่ส่งถึงมือลูกค้า โดยที่นวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกิจ เหล่านี้ทำให้องค์กรต้องปรับตัว

                  “ในขณะที่เรากำลังคิดสินค้าออกมาชิ้นหนึ่ง ก็อาจจะมีผู้ผลิตอีกหลายหมื่นหลายแสนบริษัทคิดคล้ายๆกับเรา ฉะนั้น เราก็ต้องปรับเปลี่ยนองค์กร เพื่อรับกับการแข่งขันที่เกิดขึ้น” 

                 นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กล่าวว่า ยุทธศาสตร์รัฐบาลเรื่องไทยแลนด์ 4.0 ไม่ต่างจากการพัฒนาธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยระยะแรก เริ่มจากยุคธุรกิจเกษตร หรือ ยุค 1.0 ต่อมาเป็นยุคธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตหรือยุค 2.0 ต่อมาเป็นยุคของทุน ด้านการตลาด และการเงิน หรือยุค 3.0 และ ขณะนี้ เข้าสู่ยุคเชื่อมโยงข้อมูล และ เทคโนโลยี หรือ ยุค 4.0

               การพัฒนาธุรกิจเข้าสู่ยุค 4.0 เราให้ความสำคัญกับการนำข้อมูลที่ต่อไปจะมีมากขึ้นหรือที่เรียกว่าBig Data มาเชื่อมโยงกับเทคโนโลยี สะท้อนจาก ปัจจุบัน มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตผ่านบริการมือถือมากที่สุด จากเดิมใช้ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ และ ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตบนมือถือเข้าใช้บริการเครือข่ายเฟสบุ๊คถึง 80% ฉะนั้น ขณะนี้ ถือได้ว่าสามารถเชื่อมโยงกับทุกสรรพสิ่งอย่างไม่จบสิ้น และ มีประสิทธิภาพ ซึ่งต่อไป คนจะเป็นกึ่งไซเบอร์ ฉะนั้น ทุกธุรกิจต้องปรับตัวรองรับไม่ว่าจะเป็นภาคเกษตรและภาคอื่นๆ 

               นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัทควอลิตี้ เฮาส์ จำกัดกล่าวว่า ระบบเศรษฐกิจที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงจะทำให้เกิดการทำลายธุรกิจอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งหมายความว่า ธุรกิจที่ไม่มีการปรับตัวจะต้องปิดตัวลง โดยใช้เวลาที่สั้นมาก ส่งผลให้ธุรกิจรายเล็กจะได้รับผลกระทบมากและน่าเป็นห่วง ฉะนั้น สิ่งที่รัฐบาลควรส่งเสริม คือ การทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีอยู่ในปัจจุบันเกิดความเข้มแข็งมากกว่าการปลุกปั้นธุรกิจสตาร์ทอัพ และ แนะนำให้ระมัดระวังการโปรโมทเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล เพราะยังมีช่องโหว่ให้คนภายนอกเข้ามาตักตวงหรือล้วงเงินของเราไปได้

                 นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ในส่วนของภาคธุรกิจจะต้องหาความรู้ให้ทันกระแสเพื่อปรับปรุงธุรกิจ ขณะที่ รัฐบาลเองต้องปรับปรุงเรื่องระบบการศึกษาให้ดียิ่งขึ้น โดยปัจจุบันรัฐบาลใช้งบประมาณด้านการศึกษาถึง 30% ของงบประมาณ แต่อันดับของประเทศในเรื่องการศึกษายังต่ำมาก และ ในช่วงที่ผ่านมา แม้จะมีการลงทุนของต่างชาติในไทยในธุรกิจชั้นนำ เช่น รถยนต์ หรือ ฮาร์ดไดรฟ์ แต่ไม่เคยมีการสร้างแบรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นของคนไทย นั่นหมายความว่า การถ่ายทอดเทคโนโลยีของบริษัทเหล่านี้ ไม่ได้เกิดขึ้น เป็นประเด็นที่ต้องนำมาพิจารณาเช่นกัน

               นายฐากร ปิยพันธ์ ประธานกรรมการกรุงศรีคอนซูมเมอร์กล่าวว่า กระแสดิจิทัลไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงเฉพาะธุรกิจธนาคาร แต่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทุกอุตสาหกรรม โดยในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา ครึ่งหนึ่งของธุรกิจยักษ์ใหญ่ได้เปลี่ยนแปลงและมีอันดับของการทำธุรกิจลดลง เช่น ก่อนหน้านี้ ธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจรถยนต์จะเป็นธุรกิจที่ใหญ่ แต่ปัจจุบันธุรกิจด้านไอที ได้เข้ามาแทนที่ ฉะนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ธุรกิจต่างๆ ต้องปรับตัวรองรับ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ