‘อาคม’เตรียมเสนอครม.ชี้ขาด โครงการรถไฟไทย-จีน 1.79 แสนล้านบาทในเดือนหน้า
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมฯว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 252.5 กิโลเมตร วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท ได้ข้อสรุปเกือบทั้งหมดแล้ว และกระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอรายละเอียดให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบในเดือน มิ.ย. นี้
“ตั้งเป้าหมายว่าประเทศไทยและจีนจะลงนามสัญญาโครงการฉบับที่2.1 การออกแบบรายละเอียดได้ในเดือน ก.ค. นี้ จากนั้นจะเปิดประมูลก่อสร้างช่วงแรก กลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตรแรก มูลค่า 200 ล้านบาทในเดือน ก.ค.-ส.ค. และทราบผลในเดือน ส.ค. ซึ่งผู้รับเหมาก็สามารถเข้าพื้นที่และลงมือก่อสร้างได้ทันที”
นายอาคม กล่าวว่าขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จัดทำเงื่อนไขการประมูล (TOR) ช่วง 3.5 กิโลเมตรแรกเสร็จแล้ว ถ้าโครงการผ่านความเห็นชอบจาก ครม. และลงนามสัญญาฉบับที่ 2.1 ก็สามารถเปิดประมูลได้ทันที ขณะเดียวกันกระทรวงคมนาคมจะไปหารือกับกระทรวงการคลังว่า ควรใช้เงินกู้ภายในประเทศหรืองบประมาณภาครัฐในการก่อสร้าง
“กุญแจสำคัญอยู่ที่สัญญา 2.1 เพราะถ้าลงนามสัญญาได้ ก็จะเปิดประมูลก่อสร้างช่วง 3.5 กิโลเมตรแรกได้และแบบก่อสร้างที่เหลืออีก 3 ช่วงก็ตามมา โดยตอนนี้ฝ่ายจีนรับทราบแล้วว่าการก่อสร้างทั้งหมดต้องมีความต่อเนื่อง จึงจะจัดทำตารางงานมาเสนอต่อไป” นายอาคมกล่าว
นายอาคม กล่าวว่ายังต้องหารือรายละเอียดทางเทคนิคของสัญญาฉบับที่ 2.1 เพิ่มเติม เพราะสัญญาต้องมีรายละเอียดเรื่องบุคลากรและอัตราค่าใช้จ่ายตามระเบียบของฝ่ายไทย ดังนั้นจึงมอบหมายให้คณะทำงานทั้ง 2 ฝ่ายแลกเปลี่ยนข้อมูลและสรุปผลว่า ต้องใช้เอกสารใดบ้างประกอบข้อเสนอทางการเงิน
นายอาคมกล่าวอีกว่าในการประชุมครั้งนี้ ฝ่ายจีนยังแสดงความเป็นห่วงขั้นตอนการขออนุมัติโครงการ จึงขอให้ฝ่ายไทยเร่งรัดนำเสนอโครงการให้ ครม. เห็นชอบและลงนามสัญญาทั้ง 3 ฉบับโดยเร็ว นอกจากนี้ได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ช่วงบ้านภาชี-นครราชสีมา เพราะคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติยังไม่เห็นชอบอีไอเอเส้นทางนี้ แม้จะเสนอข้อมูลเพิ่มเติมมาแล้ว 4 ครั้ง ซึ่งฝ่ายไทยก็รับปากจะติดตามใกล้ชิดต่อไป
สำหรับปัญหาที่วิศวกรและสถาปนิกจากประเทศจีนต้องสอบเพื่อให้ได้รับใบอนุญาติประกอบวิชาชีพจากสภาวิศวกรและสภาสถาปนิกของประเทศไทยนั้น ตอนนี้ฝ่ายไทยอยู่ระหว่างทำความเข้าใจกับฝ่ายจีน เพราะฝ่ายจีนกังวลว่าจะสอบใบประกอบวิชาชีพไม่ผ่าน แต่ฝ่ายไทยก็ยืนยันว่าสภาวิศวกรและสภาสถาปนิกของประเทศไทยยินดีให้ความร่วมมือและจะอำนวยความสะดวกในการสอบให้มากที่สุด แต่ก็ต้องรอให้คณะทำงานของ 2 ฝ่ายตกลงกันว่าจะเริ่มสอบได้เมื่อใด
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า รถไฟไทย-จีน ช่วงบ้านภาชี-นครราชสีมา ยังไม่ได้รับความเห็นชอบรายงานอีไอเอแม้จะยื่นข้อมูลไปแล้ว 5 ครั้ง โดยล่าสุดมีปัญหาเรื่องพื้นที่เหมืองบริเวณจ.สระบุรี อยู่ใกล้เคียงหรือทับซ้อนกับเส้นทางรถไฟ ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เตรียมจะยื่นข้อมูลชี้แจงเป็นครั้งที่ 6 ต่อไป
“หากโครงประมูลได้ตัวผู้รับเหมาแล้ว แต่เส้นทางยังไม่ผ่านอีไอเอก็จะทำให้ลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างไม่ได้”
ด้านนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ กรรมการและรักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่าร.ฟ.ท. ได้ปิดขายซองเอกสารประกวดราคา โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กิโลเมตร กรอบวงเงิน 7,305 ล้านบาทเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีเอกชนซื้อซองเอกสารทั้งหมด 38 ราย ซึ่งเป็นระดับที่น่าพอใจ
หลังจากนี้ ร.ฟ.ท. จะให้เวลาเอกชนจัดทำรายละเอียด 45 วันก่อนเปิดให้ยื่นข้อเสนอ โดยขยายจากเดิมที่ให้เวลาจัดทำรายละเอียด 30 วัน เพราะต้องการให้เวลาเอกชนคำนวณรายละเอียดมากขึ้น และเปิดโอกาสให้เอกชนเจรจาจับคู่กับพันธมิตรมากขึ้นด้วย
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จำนวนเอกชนที่ซื้อซองประกวดราคารถไฟทางคู่ หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 31 รายในการประกวดราคาครั้งแรก เป็น 38 รายในการประกวดราคาครั้งนี้ โดยจะเห็นได้ว่ามีผู้รับเหมาขนาดกลางของกรมทางหลวง (ทล.) สนใจเข้าซื้อซองมากขึ้น
นอกจากนี้ ร.ฟ.ท. ได้ส่งหนังสือถึงกรมบัญชีกลางเพื่อขอขยายเวลาการจัดทำข้อเสนอของเอกชนจาก 30 วันเป็น 45 วัน เพราะคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (ซูเปอร์บอร์ดจัดซื้อจัดจ้าง) เห็นว่าระยะ 30 วันน้อยเกินไปสำหรับการจัดทำรายละเอียดข้อเสนอและการจับคู่พันธมิตรทางธุรกิจ เนื่องจากบริษัทฯ ต่างชาติต้องหนังสือรับรองจากสถานฑูต ซึ่งก็คาดว่าครั้งนี้จะมีเอกชนไทยส่วนหนึ่งจับคู่กับพันธมิตรจีนเข้าร่วมประมูล
ร.ฟ.ท. มีกำหนดเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอเส้นทางหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ 7 ก.ค. จากนั้นจะใช้เวลาตรวจสอบคุณสมบัติ 10 วันและประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติวันที่ 17 ก.ค. โดย ร.ฟ.ท. จะเปิดให้เอกชนอุทรณ์คุณสมบัติวันที่ 18-20 ก.ค. และตอบข้ออุทรณ์ตั้งแต่วันที่ 21-26 ก.ค. และแข่งเสนอราคาวันที่ 27 ก.ค.
“ถ้าดูตามกำหนดเวลา โครงการหัวหิน-ประจวบฯ จะทันกรอบ 3 เดือนของรัฐบาลอย่างแน่นอน ส่วนเส้นทาง นครปฐม- หัวหิน ถ้าหากไม่ติดอะไรจะขายซองได้ในสัปดาห์หน้า”
สำหรับผู้ซื้อซองเส้นทางหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ทั้ง 38 ราย ประกอบด้วย 1.บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) 2. บริษัท ซีวิลเอนจิเนียริ่ง จำกัด 3.บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด ( มหาชน ) 4.บริษัท เสริมสงวนก่อสร้าง จำกัด 5.บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) 6.บริษัท ส.เขมราฐ อินดัสตรี้ จำกัด 7.บริษัท ศักดาพร จำกัด 8.บริษัท กำแพงเพชรวิวัฒน์ก่อสร้าง จำกัด 9.บริษัท พี พี ดี คอนสตรัคชั่น จำกัด 10.บริษัท ซิโนไฮโดร คอร์ปอเรชั่น จำกัด 11.บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) 12.บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด 13.บริษัท กิจการร่วมค้า ทีบีทีซี จำกัด 14.บริษัท บุรีรัมย์ธงชัยก่อสร้าง จำกัด 15.บริษัท ช.ทวีก่อสร้าง จำกัด 16.บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) 17.บริษัท เอส.เค.วาย. คอนสตรัคชั่น จำกัด 18.บริษัท ไทยพีค่อนและอุตสาหกรรม จำกัด 19.ห้างหุ้นส่วนจำกัด นภาก่อสร้าง 20.บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง ( 1964) จำกัด 21.บริษัท กิจการร่วมค้า ไทย - ซีอาร์ไฟฟ์ จำกัด 22.บริษัท วี.เอส.เค ร่วมค้า จำกัด 23.บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) 24. Afcons Infrastructure Limited 25. บริษัท ประยูรวิศว์ จำกัด 26. บริษัท ธาราวัญ คอนสตรัคชั่น จำกัด 27. บริษัท โชคดีวิศวภัณฑ์ จำกัด 28.บริษัท กิจการร่วมค้า เอสเอ็มที จำกัด 29. China Harbour Engineering Company Ltd. 30.บริษัท เพาเวอร์ คอนสตรัคชั่น เทคโนโลยี จำกัด 31. บริษัท แพร่ธำรงวิทยา จำกัด 32. บริษัท สหการวิศกร จำกัด 33. บริษัท ไชน่าเรลเวย์ 11 บิวโร 34. China Railway First Group Co.Ltd 35. Emrail 36. CTCI corporation 37. บริษัท ชัยนันท์ค้าวัตถุก่อสร้าง 2524 จำกัด 38.บริษัท เคเทค อินฟราสตรัคเจอร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง