ข่าว

ทีพีเอ็น จับมือ แทปไลน์ ขยายท่อส่งน้ำมัน “สระบุรี-ขอนแก่น”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทีพีเอ็น จับมือ แทปไลน์ ขยายท่อส่งน้ำมัน “สระบุรี-ขอนแก่น” มูลค่า 1.2 หมื่นล้าน

 นายณัฐพงษ์ รัตนสุวรรณทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด(ทีพีเอ็น) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการวางท่อส่งน้ำมันไปยังภาคอีสาน บริษัทฯได้ลงนามความร่วมมือ (เอ็มโอยู) กับบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด(แทปไลน์) ในการวางท่อส่งน้ำมันไปยัง จ.ขอนแก่น และคลังเก็บน้ำมัน 115 ล้านลิตร มูลค่ารวม 1.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าท่อ 8 พันล้านบาท และคลังน้ำมัน 4 พันล้านบาท 

ในปี 2551 จะเร่งดำเนินการจัดทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เริ่มก่อสร้างได้ในปี 2562 ซึ่งจะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการได้ในปี 2565 โดยคาดว่า ในปีแรกจะมีรายได้ประมาณ 1 พันล้านบาท และจะคืนทุนได้ภายใน 10 ปี แต่ถ้าหากมีความต้องการน้ำมันสูงกว่าที่คาดไว้ ก็จะคืนทุนได้เร็วกว่านี้ 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ นายอำเภอ และผู้นำท้องถิ่นตามแนวถนนที่ท่อส่งน้ำมันผ่าน ต่างเห็นด้วยกับโครงการ ยังและไม่มีใครคัดค้าน เพราะจะทำให้ลดจำนวนรถขนส่งน้ำมันบนท้องถนนได้จำนวนมาก ช่วยลดอุบัติเหตุจากการขนส่งทางถนน และลดงบประมาณในการซ่อมถนน รวมทั้งยังมีต้นทุนต่ำกว่าการขนส่งโดยรถบรรทุก จึงเกิดผลดีกับทุกฝ่าย

“โครงการท่อส่งน้ำมันภาคอีสาน จะเริ่มตั้งแต่คลังน้ำมันที่ จ.สระบุรี ไปสิ้นสุดที่ จ.ของแก่น เป็นระยะทาง 342 กิโลเมตร ซึ่งจากการประเมิณความต้องการใช้น้ำมันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในอีก 10 ปีข้างหน้า จะมีความต้องการ 3.3 พันล้านลิตรต่อปี เพิ่มจากปัจจุบันที่มีความต้องการ 2.7 พันล้านลิตรต่อปี ทำให้บริษัทถึงจุดคุ้มทุนได้ใน 10 ปี” 

นอกจากนี้ บริษัทฯยังศึกษาการวางท่อส่งน้ำมันต่อไปถึง จ.หนองคาย เพื่อขยายเข้าไปที่ กรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว และไปสิ้นสุดที่จีนตอนใต้ที่เมืองคุนหมิง ซึ่งขณะนี้บริษัทฯได้ลงนามกับทางประเทศลาวเพื่อศึกษาการลงทุนสร้างท่อน้ำมันแล้ว คาดว่าจะมีความชัดเจนโครงการลงทุนนี้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ รวมทั้งยังได้ร่วมกับรัฐวิสาหกิจพลังงานของจีน เพื่อศึกษาการต่อท่อส่งน้ำมันไปยังประเทศจีนตอนใต้ ซึ่งทางฝ่ายจีนได้ส่งรายละเอียดของข้อตกลงเอ็มโอยูมาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา คาดว่าภายในปีนี้จะมีความชัดเจน 

“ขณะนี้คู่แข่งของไทยก็คือประเทศเวียดนาม ที่มีแผนจะลงทุนท่อส่งน้ำมันเข้าไปยังจีนตอนใต้เช่นกัน ซึ่งจีนมองว่าหากประเทศใดพร้อมก่อนก็จะเลือกร่วมลงทุนกับประเทศนั้น ดังนั้นไทยจึงจะเป็นต้องรีบบรรลุข้อตกลงกับจีน เพื่อให้ได้ก้าวขึ้นเป็นบริษัทท่อส่งน้ำมันรายใหญ่สุดของอาเซียน” 

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จากการประเมินความต้องการใช้น้ำมันของประเทศลาว คาดว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า จะมีความต้องการน้ำมันสูงถึง 6 พันล้านลิตรต่อปี เพิ่มจากปัจจุบันที่มีความต้องการน้ำมัน 1.9 พันล้านลิตรต่อปี โดยการวางท่อส่งน้ำมันจาก จ.ขอนแก่นไปยังกรุงเวียงจันทน์ จะมีระยะทางประมาณ 200-300 กิโลเมตร และสร้างคลังน้ำมัน 1 แห่งที่ กรุงเวียงจันทน์ จะใช้งบในการก่อสร้างไม่ถึง 1.2 หมื่นล้านบาท 

และหากต่อท่อไปยังจีนตอนใต้ จะต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นอีกพอสมควร ซึ่งยังไม่สามารถกำหนดได้ในขณะนี้ แต่มั่นใจว่าหากจีนเลือกท่อส่งน้ำมันจากไทย จะมีนักลงทุนต่างชาติหลายรายสนใจเข้าร่วมโครงการนี้ แม้ว่าธุรกิจนี้จะมีกำไรไม่มาก แต่ก็มีผลกำไรอย่างสม่ำเสมอทุกปี มีความเสี่ยงต่ำ และมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ   

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ