ข่าว

ไทยจับมืออาเซียนเสริมแกร่ง สร้างภูมิคุ้มกันรับภัยคุกคาม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

  “ประยุทธ์” แนะอาเซียนเพิ่มความเข้มแข็งภายใน สร้างภูมิคุ้มกันจากภัยคุกคามต่าง ๆ  โดยเฉพาะภัยคุกคามรูปแบบใหม่

                 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(อาเซียน)ครั้งที่ 30 และการประชุมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 28-30 เม.ย. 2560 ที่ศูนย์การประชุมระหว่างประเทศในกรุงมะนิลา วานนี้ (29เม.ย.) กล่าวว่าเป็นวาระอันดีที่อาเซียนก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 จึงเป็นโอกาสดีที่จะทบทวนอย่างจริงจังว่า ประชาคมอาเซียนจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไรให้มั่นคงและยั่งยืน เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของประชาชนทั่วทั้งภูมิภาค ท่ามกลางความคาดหวังมากขึ้นจากประชาคมอาเซียน และจากบทเรียนของสถานการณ์การแยกตัวของสหราชอาราจักรในสหภาพยุโรป (เบร็กซิท) เพื่อเสริมสร้างอาเซียนให้เป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างเข้มแข็งและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

                  พล.อ.ประยุทธ กล่าวว่าการก้าวไปข้างหน้าตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนปี2025 ทุกประเทศต้องเร่งปฏิบัติตามพันธกรณีที่มีอยู่ เพื่อมุ่งหน้าไปสู่การเป็นประชาคมที่ส่งเสริมความมั่นคงของมนุษย์ และเชื่อมโยงอย่างสร้างสรรค์กับประชาคมโลก อาเซียนควรมีพลวัต นวัตกรรม และเชื่อมโยงอย่างสร้างสรรค์กับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและกับโลก อาเซียนควรให้ความสำคัญกับปัจจัยที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะการส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมวิสาหกิจเกิดใหม่ (start-ups) การเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งไทยกำลังดำเนินการภายในประเทศตามนโยบาย Thailand 4.0 

                   นอกจากนี้ การพัฒนาและสร้างอาเซียน แบรนด์ดิง( ASEAN branding )สำหรับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย หรือไมโครเอสเอ็มอี (MSMEs) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจอาเซียน อาเซียนควรมีระบบและมาตรฐานการจัดอันดับความน่าเชื่อถือเป็นการเฉพาะให้กับไมโครเอสเอ็มอี เพื่อเพิ่มโอกาสสำหรับธุรกิจดังกล่าวในการขอสินเชื่อและการขยายโอกาสในตลาดทั้งภายในและภายนอกภูมิภาค 

                  ขณะเดียวกัน อาเซียนควรเพิ่มความเข้มแข็งภายในและสร้างภูมิคุ้มกันจากภัยคุกคามต่าง ๆ โดยเฉพาะจากภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ เป็นที่น่ายินดีที่อาเซียน มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาหมอกควัน ซึ่งได้มีการรับรองโรดแม็ปเมื่อปีที่ผ่านมา อีกทั้งอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ (เอซีทีไอพี) ได้มีผลใช้บังคับแล้ว 

                  อย่างไรก็ตาม ยังมีอีก 3 เรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง 1.การจัดระบบความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดน โดยมีระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลและข่าวกรองอย่างมีประสิทธิภาพ 2.การส่งเสริมศักยภาพของอาเซียนในการเผชิญหน้ากับความท้าทายจากการก่อการร้ายและแนวคิดสุดโต่ง โดยดำเนินมาตรการทางด้านการพัฒนาควบคู่กับการต่อต้านการก่อการร้ายด้วยการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับแนวทางสายกลางความรู้และความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนาและชาติพันธุ์ ตลอดจนการแก้ไขที่รากเหง้าของปัญหา ทั้งความยากจน การละเมิดสิทธิมนุษยชน และการได้รับความไม่เป็นธรรม อีกทั้งการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ โดยการตั้งศูนย์ไซเบอร์อาเซียน ซึ่งไทยพร้อมที่จะจัดการประชุมระดมสมองภายในอาเซียน โดยร่วมมือกับหุ้นส่วนนอกภูมิภาค 

                 3.การดำเนินการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างเป็นระบบ ตามโครงการระบบโลจิสติกส์ของการปฏิบัติการด้านการบรรเทาทุกข์และการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินของอาเซียน โดยใช้ประโยชน์จากศูนย์สำคัญ ๆ ในภูมิภาค เช่น ศูนย์การแพทย์ทหารอาเซียน และศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย

                พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่าอาเซียนควรเน้นการพัฒนาไปสู่ประชาคมที่ส่งเสริมความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมและได้ประโยชน์จากอาเซียน โดยอาเซียนควรร่วมมือกันในระดับภูมิภาคมากยิ่งขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและสร้างหุ้นส่วนกับประเทศนอกภูมิภาคและองค์การระหว่างประเทศ เพื่อจัดทำโครงการที่เป็นรูปธรรม เช่น การรักษาสิ่งแวดล้อมภายในภูมิภาคและการส่งเสริมการเจริญเติบโตสีเขียว การส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจของสตรี และการแก้ไขปัญหาภาวะทุพโภชนาการสำหรับเด็ก  

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ