รัฐรื้อทีโออาร์ ปลดล๊อครถไฟทางคู่

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมาว่า ได้มีการพิจารณาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่ คณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง(ซูเปอร์บอร์ดจัดซื้อจัดจ้าง)ที่มีนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล เป็นประธาน โดยให้ดำเนินการต่อไปคือ โครงการรถไฟทางคู่เส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออกช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย กับ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ถนนจิระ-ขอนแก่นแต่จะมีการกำกับติดตามในขั้นตอนการบริหารสัญญาให้มีความโปร่งใส

ส่วนอีก 5 โครงการ ที่ ครม.เห็นชอบในการแก้ไขสัญญาประกวดราคา หรือทีโออาร์ ตามที่ซูเปอร์บอร์ดจัดซื้อจัดจ้างให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)ทบทวนเงื่อนไขประมูล หรือ ทีโออาร์ 5เส้นทาง โดยปรับลดเงื่อนไขการกำหนดผลงานผู้รับเหมาจากเดิมที่ 15% เหลือ 10% ของค่าก่อสร้าง ซึ่งจะทำให้มีผู้ประกอบการเข้าแข่งขันได้มากรายขึ้น และไม่ให้กำหนดเงื่อนไขการส่งมอบเครื่องจักรอุปกรณ์ของผู้รับจ้างที่ใช้ในการก่อสร้างให้กับ ร.ฟ.ท.เมื่องานก่อสร้างแล้วเสร็จ เพื่อเป็นการลดงบประมาณในการจัดจ้าง

นอกจากนี้ยังให้ ร.ฟ.ท.ทบทวนแยกงานระบบอาณัติสัญญาณ ออกจากงานระบบราง และงานโยธา 3 สัญญา คือ สายเหนือ 1 สัญญา สายตะวันออกเฉียงเหนือ 1 สัญญา และสายใต้ 1 สัญญา โดยแบ่งงานระบบรางและงานโยธาออกเป็นมูลค่าประมาณ 5,000-10,000 ล้านบาท ตามลักษณะทางกายภาพ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายขนาดกลางสามารถเข้าร่วมการเสนอราคาได้มากราย ซึ่งจะเป็นการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการไทย และได้ผู้รับจ้างที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาดำเนินการ

ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติเข้าร่ามงานระบบรางและโยธา 15 ราย และระบบอาณัติสัญญาณ 10 ราย ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันอย่างแท้จริง โดยการดำเนินการ ทางร.ฟ.ท.จะจ้างที่ปรึกษามาบริหารโครงการที่มีประสบการณ์เพื่อบริหารสัญญาให้ดำเนินการแต่ละสัญญามีความสอดคล้องเชื่อมโยงต่อเนื่องอย่างเป็นระบบและมีประสิทธืภาพ และทั้งหมดยังอยู่ภายใต้กรอบงบประมาณเดิม

สำหรับโครงการทั้ง 5 เส้นทาง ประกอบด้วย รถไฟทางคู่ช่วงมาบกระเบา-จิระ, ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ, นครปฐม-ขอนแก่น, หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์, ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร รัฐหนุนขนส่งข้ามพรมแดนลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม. ยังมีมติเห็นชอบร่วมจัดทำ และลงนามการดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงระยะแรก ซึ่งประกอบด้วย จีน และกลุ่ม CLMV ประกอบด้วยกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม สำหรับการขนส่งในรูปแบบนำข้ารถยนต์และตู้คอนเทนเนอร์  โดยให้มีผลบังคับใช้เป็นเวลา 12 เดือน นับตั้งแต่วันที่ประเทศสมาชิกประเทศสุดท้ายลงนาม

สำหรับสาระสำคัญ ให้ประเทศสมาชิกเริ่มดำเนินการออกและแจกจ่ายใบอนุญาตสำหรับการขนส่งทางถนน500 ฉบับ โดยประเทศสมาชิกจะรับรองและให้การยอมรับร่วมกัน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งของผู้ประกอบการสามารถเดินทางและขนส่งสินค้าผ่านเข้า-ออก ประเทศสมาชิกได้สะดวกยิ่งขึ้น จากเดิมที่ผู้ประกอบการจะต้องขอใบอนุญาตสำหรับการขนส่งข้ามพรมแดนเป็นรายจุด ณ จุดผ่านแดนที่ประเทศไทยมีบันทึกข้อตกลง