ข่าว

พาณิชย์สั่งลดราคา ‘ยางมะตอย’

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย - โต๊ะข่าวเศรษฐกิจ

  นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการหารือร่วมผู้ผลิตยางมะตอย ในกรณีที่สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยได้ร้องเรียนว่ามีการตั้งราคายางมะตอยสูงเกินจริง โดยจากการตรวจเช็คราคายางมะตอยในช่วงเดือนที่ผ่านมาพบว่ามีราคาปรับขึ้นเป็น 100% ทำให้ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ราว 2 หมื่นบาทต่อตัน เพิ่มขึ้นจากราคาเดิมเฉลี่ย 1 หมื่นบาทต่อตัน จึงได้เชิญผู้ผลิตยางประมาณ 7 – 8 รายมาหารือ และขอความร่วมมือในการปรับราคาลงอย่างเหมาะสมภายในสัปดาห์นี้

“จากการหารือผู้ผลิตยางให้สาเหตุว่าการปรับขึ้นส่วนหนึ่งมาจากราคาน้ำมันปรับเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งความต้องการใช้ยางมะตอยสูงเนื่องจากมีการก่อสร้างมาก ส่วนกำลังการผลิตยางมะตอยลดลงไปถึง 50% จากการที่โรงงานกลั่นน้ำมัน 2 รายใหญ่ เช่น โรงกลั่นน้ำมันงาน ปตท.มีกำลังการผลิตคิดเป็นสัดส่วนถึง 40 % ได้หยุดพักการผลิตชั่วคราว แต่จากการหารือจึงขอให้ผู้ผลิตปรับลดราคาลงให้เหมาะสมกับต้นทุนที่แท้จริงภายในสัปดาห์นี้ โดยหากยังไม่มีการปรับลดราคาจะเรียกมาตักเตือนอีกครั้ง หรืออาจจะใช้มาตรการดึงยางมะตอยมาเป็นสินค้าควบคุม”

ทั้งนี้ ข้อมูลการร้องเรียนของสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยชี้แจงนั้น สะท้อนถึงผลจากการปรับขึ้นราคายางมะตอยในช่วงที่ผ่านมานั้น ส่งผลกระทบต่อราคาค่าก่อสร้างที่ได้ทำการประมูลและลงนามสัญญาไปแล้วหรืออยู่ในระหว่างดำเนินการก่อสร้าง เนื่องจากผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นกว่าราคากลางที่ประมูลได้ แม้ทางหน่วยงานราชการจะกำหนดให้มีค่า K เพื่อชดเชยกรณีราคาวัสดุเปลี่ยนแปลง แต่ยังมีความล่าช้าในการเบิกจ่ายและเบิกไม่ได้เต็มจำนวนจริง จึงส่งผลกระทบต่อความคล่องตัวในการบริหารจัดการด้านการเงินของผู้ประกอบการก่อสร้าง เพราะค่า K ไม่สามารถรองรับส่วนต่างที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมดที่เกิดจากภาระของดอกเบี้ย

นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่าได้สั่งการให้กรมการค้าภายในติดตามสถานการณ์ราคาวัสดุก่อสร้างต่างๆ อย่างใกล้ชิด และยังได้วางนโยบายจะเอาจริงไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาไม่เป็นธรรม ส่วนการดูแลปัญหาค่าครองชีพให้กับประชาชน กระทรวงฯ เตรียมเปิดโครงการธงฟ้าประชารัฐในแล้วเดือน เม.ย.นี้ โดยผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ 5 ราย ได้เตรียมสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน 48 รายจาก 10 กลุ่มสินค้าที่จะกระจายไปจำหน่ายทั่วประเทศ นำร่องที่ร้านโชห่วยประมาณ 5,000 แห่ง และร้านค้าชุมชนอีก 500 แห่ง และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ร้านค้าชุมชนจะเข้าร่วมโครงการเป็น 2 -3 พันแห่ง โดยราคาสินค้าจะถูกกว่าท้องตลาด 15% เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ