บินไทยรื้อใหญ่่"นกแอร์-ไทยสมายด์" ชงบอร์ด15 มี.ค.นี้ | คมชัดลึก

            คณะกรรมการบริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน)เตรียมประชุมบอร์ดวันที่ 15 มี.ค.นี้  พิจารณาปรับโครงสร้างยุทธศาสตร์ของบริษัท ในการตั้ง“Thai Group”เพื่อบริการจัดการกับ 3 สายการบินเข้าด้วยกัน คือ การบินไทย, ไทยสมายล์ และนกแอร์ เป็นการรวบอำนาจให้การบินไทยบริหารนกแอร์  หวังมีการจับกลุ่มอยู่ด้วยกัน

          “อันที่จริงแล้วการบินไทยเองก็ถือหุ้นอยู่ในไทยสมายล์และถือหุ้นนกแอร์อยู่แล้ว แต่ที่จะดำเนินการต่อไปเพราะต้องการให้การทำงานประสบความสำเร็จจริงๆ ทั้ง 3 สายการบินควรต้องวางแผนร่วมกัน ไม่ใช่ต่างฝ่ายต่างทำ แผนยุทธศาสตร์ที่จะเดินไปข้างหน้าจะต้องมาจากสำนักงานใหญ่ เพื่อแผนการบินได้เชื่อมโยงกัน”แหล่งข่าวจากบริษัทการบินไทยกล่าว

         ทั้งนี้ผู้บริหารการบินไทย ยอมรับว่า ที่ผ่านมา การดำเนินงานหรือการวางแผนการบินของนกแอร์แทบจะไม่ได้ร่วมมืออะไรกับการบินไทย ดังนั้นจากนี้ไปเพื่อแก้ปัญหาการขาดทุนของนกแอร์ การบริหารงานต้องเปลี่ยนนโยบายใหม่ รวมไปถึงการเปลี่ยนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ คนปัจจุบันคือนายพาที สารสิน เพื่อให้การบริหารงานของนกแอร์เปลี่ยนไป

           สำหรับผู้ที่จะเข้ามาเป็นซีอีโอนกแอร์จากนี้ไป อาจจะต้องเปิดรับสมัครหรือเปิดสัมภาษณ์ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามา จะเป็นคนในองค์กรหรือบุคคลภายนอกก็ได้ การบินไทยในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของแผนยุทธศาสตร์และการสรรหาซีอีโอคนใหม่

         แหล่งข่าว กล่าวว่าที่ผ่านมาการบินไทยถือหุ้นใหญ่นกแอร์ในสัดส่วนกว่า 39% แต่ไม่มีสิทธิไม่มีเสียงที่จะเข้าไปดำเนินการใดๆ ไม่มีสิทธิแม้แต่จะเลือกซีอีโอเข้ามาบริหารนกแอร์หรือแม้แต่ประธานบอร์ด ต่อไปก็ต้องให้สิทธิการบินไทยจัดการ ส่วนซีอีโอใหม่หากไม่ใช่คนในการบินไทยถ้าเป็นบุคคลภายนอกการบินไทยต้องมีสิทธิคัดเลือกด้วย

         “หลังจากการบินไทยตั้งรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย มีการประชุมบอร์ดครั้งเดียว แต่รักษาการกรรมการการบินไทย ต้องเป็นบอร์ดทั้งนกแอร์และไทยสมายล์ ส่วนที่ต้องเปลี่ยนนายพาทีจากตำแหน่งซีอีโอ เชื่อว่านายพาทีเองก็ยอมถอยอยู่แล้ว เพราะเปิดทางให้นกแอร์วางแผนใหม่ แต่ถ้าหากนายพาที อยากจะเข้ามาบริหารนกแอร์ต่อ ก็สามารถเข้ามาสมัครสัมภาษณ์ใหม่ได้” แหล่งข่าวระบุ

          ผู้บริหารการบินไทย ย้ำว่าในการประชุมบอร์ดการบินไทยวันที่ 15 มี.ค.นี้ทางการบินไทยก็จะเสนอแผนการเพิ่มทุนในส่วนของนกแอร์ให้ที่ประชุมพิจารณา เพราะเห็นฐานะการเงินของนกแอร์แล้วยังไงก็ต้องเพิ่มทุน ตรงนี้จะต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จภายใน 6 เดือน รวมทั้งการหาซีอีโอใหม่ อย่างไรก็ตาม การบินไทยไม่เคยคิดที่จะขายหุ้นในนกแอร์ให้กับต่างชาติ นกแอร์ควรอยู่กับการบินไทย ควรมาเป็น Fighting Brand ให้การบินไทย

            ด้านนางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย ยอมรับว่าการเพิ่มทุนนกแอร์ คือสิ่งที่ต้องดำเนินการแต่คงต้องเสนอบอร์ดการบินไทยพิจารณาก่อน ส่วนการตั้ง“Thai Group”ถือเป็นยุทธศาสตร์ชาติที่ต้องดำเนินการ

            ขณะที่ บริษัทสายการบินนกแอร์ แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่างวดปี 2559 บริษัทและบริษัทย่อยมีผลขาดทุน 3,269.98 ล้านบาท จากปีก่อนซึ่งมีผลขาดทุน 1,664.49 ล้านบาท แบ่งเป็นผลขาดทุนส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 2,795.09 ล้านบาทและส่วนที่เป็นของส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม 474.90 ล้านบาท

             สำหรับงบการเงินเฉพาะกิจการ บริษัทมีรายได้รวม 13,119.68 ล้านบาท ลดลง1.99% จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากรายได้ค่าโดยสารลดลงซึ่งเป็นไปตามการปรับลดเที่ยวบินภายในประเทศและราคาค่าโดยสารลดลงตามการแข่งขัน จากเหตุการณ์นักบินประท้วงและการแข่งขันด้านราคาตั๋วที่รุนแรง