เฟดส่งสัญญาณหนุนดอกเบี้ยขาขึ้น ธปท.มองไม่กระทบศก.โลก

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ จะทำให้อัตราดอกเบี้ยในระบบการเงินโลกค่อยๆ ทยอยปรับเพิ่มขึ้นในระยะ 1-2 ปี เพื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจนเกิดความกังวลต่อหลายประเทศว่าได้สร้างปัญหาความเปราะบางของระบบการเงิน รวมทั้งทำให้ภาคเอกชนก่อหนี้มากเกินควร ซึ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากการใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำมาเป็นเวลานาน

"คงไม่ถึงกับต้องตระหนกหรือวิตกกังวล เพราะเชื่อว่าจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะยังมีสภาพคล่องในระบบการเงินโลกที่สูง ธนาคารกลางของประเทศอุตสาหกรรมหลักหลายประเทศยังใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนปรน และยังมีการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระบบการเงินโดยรวมมีสภาพคล่องสูง และตอบสนองความต้องการของการลงทุนได้ แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะมีแนวโน้มสูงขึ้นบ้าง แต่เชื่อว่าไม่กระทบรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจโลก” นายวิรไทกล่าว

สำหรับเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงนี้ ผู้ว่าการ ธปท.มองว่าไม่ใช่ความผิดปกติแต่อย่างใด ซึ่งเป็นผลมาจากดอลลาร์สหรัฐผันผวนเมื่อเทียบกับเงินสกุลต่างๆ ดังนั้นการแข็งค่าคงจะดูเฉพาะแค่ค่าเงินบาทสกุลเดียวไม่ได้ อย่างไรก็ดี ธปท.จะเข้าไปดูแลอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงที่เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงในระดับที่มากเกินพอดี

“เงินบาทไม่ถึงกับแข็งค่าจนผิดปกติเกินไป ซึ่งเวลาดูต้องเทียบกับประเทศอื่นๆ ด้วย โดยการแข็งค่าของเงินบาทเป็นผลจากความผันผวนของเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ดังนั้นเงินบาทจึงไม่ได้แข็งค่าสกุลเดียว ขณะที่การไหลเข้าของเงินทุนเคลื่อนย้ายก็ไม่ได้อยู่ในภาวะที่แตกต่างจากประเทศอื่นมากนัก” ผู้ว่าการ ธปท.ระบุ

ทั้งนี้ นางเจเนต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวกับคณะกรรมาธิการธนาคารประจำวุฒิสภาว่า เฟดมีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ย เพราะหากขึ้นดอกเบี้ยช้าเกินไปอาจทำให้เฟดล่าช้าในการดำเนินนโยบายและต้องขึ้นดอกเบี้ยติดๆ กันในที่สุด ซึ่งหากสภาพการณ์เป็นเช่นนั้นก็อาจก่อให้เกิดภาวะถดถอย โดยในการประชุมครั้งต่อไป เฟดจะประเมินว่าการจ้างงานและเงินเฟ้อดำเนินไปสอดคล้องกับการคาดหมายหรือไม่ ซึ่งหากการจ้างงานและเงินเฟ้อเป็นไปตามการคาดหมายของเฟด ก็น่าจะเป็นเรื่องเหมาะสมที่จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย