ข่าว

อานิสงส์เศรษฐกิจขาขึ้น

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์ เล่าสู่กันฟัง โดย...บัญญัติ คำนูญวัฒน์

 

           นับเป็นข่าวดีสำหรับประเทศไทย เมื่อสัญญาณความเชื่อมั่นดีดตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง จากผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ของศูนย์การพยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ล่าสุดที่ได้เก็บข้อมูลจากประชากรตัวอย่างทั่วประเทศ 2,238 คน ในช่วงต้นปีมาประมวลเปรียบเทียบให้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจไทย ช่วยเรียกขวัญกำลังใจของนักธุรกิจไทยให้เดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้น

           ดัชนีตัวแรกที่สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ คือ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมกราคม 2560 ที่ปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 74.5 เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2559 ที่อยู่ในระดับ 73.3 ส่วนตัวดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบัน (ต้นเดือนก.พ.) อยู่ที่ 53.7 เพิ่มขึ้นจาก 52.1 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตอยู่ที่ 83.5 เพิ่มขึ้นจาก 82.5 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 63.1 เพิ่มขึ้นจาก 62.5 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำอยู่ที่ 69.1 เพิ่มขึ้นจาก 68.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 91.2 เพิ่มขึ้นจาก 90.3 ส่วนหนึ่งน่าจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วงปลายปี บวกกับมูลค่าการส่งออกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างน่าสนใจ

           เป็นไปในทิศทางเดียวกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง ที่มองเห็นสัญญาณดีๆ ในหลายๆ ด้านเช่นกัน จึงประกาศปรับการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้เป็น 3.6% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 3.4% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจไทยปี 2560 ยังมีแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาครัฐที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมอีก 1.9 แสนล้านบาท

           นอกจากนั้นยังมีโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมใหม่ๆ ที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 2560 อีกหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟทางคู่และรถไฟฟ้าในเขตเมือง โครงการมอเตอร์เวย์ และโครงการพัฒนาท่าอากาศยาน ซึ่งทุกโครงการใช้งบลงทุนค่อนข้างสูงและก่อให้เกิดการสร้างงานซึ่งจะช่วยกระจายรายได้ไปสู่ประชาชนอีกจำนวนมาก

           ในปีนี้รัฐบาลยังมีการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมให้แก่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติและกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี ซึ่งจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการลงทุนภาคเอกชนไปพร้อมๆ กัน

           ด้านภาคเกษตรก็ยังมีแนวโน้มที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และรายได้นอกภาคเกษตรที่อยู่ในเกณฑ์ดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภาพรวม ส่วนการลงทุนของภาคเอกชนคาดว่าน่าจะขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจ อยู่ที่ 2.7% ด้วยเหตุนี้ภาครัฐจึงคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนน่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า

           สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการพัฒนาประเทศที่มาถูกทิศถูกทาง ซึ่งจะกลายเป็นภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจที่ดีให้ประเทศไทยในอนาคต

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ