ข่าว

รัฐเคลียร์ปมดัชนีคอร์รัปชั่นไทย!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รัฐบาลแจงดัชนีคอร์รัปชั่นร่วงหลายอันดับแต่คะแนนไม่ได้ลดมาก รับยังมีจุดอ่อนต้องเร่งแกไข

 

            แถลงการณ์ของ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

            ชี้แจงรายละเอียด เกี่ยวกับกรณีกระแสข่าวค่าดัชนีวัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น ประจำปี 2559 (Corruption Perceptions Index 2016) หรือ CPI ของประเทศไทยลดลงจากปี 2558 ทำไทยให้เลื่อนจากอันดับที่ 76 ลงเป็นอันดับที่ 101 นั้น เนื่องจากการจัดอันดับ CPI ซึ่งจัดทำโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) เป็นการรวบรวมข้อมูลจากดัชนีชี้วัด 13 ดัชนีมาคิดรวมกัน โดยมีที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยจำนวน 8 ดัชนี ซึ่งในปีที่ผ่านมามีดัชนีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จำนวน 4 ดัชนี ได้แก่

            1.ดัชนี IMD World Competitiveness Yearbook 2016 วัดภาพลักษณ์เกี่ยวกับการติดสินบนและการคอร์รัปชั่น คะแนนดีขึ้นจาก 38 เป็น 44 คะแนน 

            2.ดัชนี Political and Economic Risk Consultancy 2016 วัดภาพลักษณ์เกี่ยวกับปัญหาคอร์รัปชั่นในประเทศ คะแนนลดลงจาก 42 เป็น 38 คะแนน

            3.ดัชนี World Economic Forum Executive Opinion Survey 2016 สำรวจความคิดเห็นเกี่ยวการจ่ายสินบนในเรื่อง การส่งออกและนำเข้า สาธารณูปโภค ภาษี การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และคำตัดสินคดีของศาล รวมถึงการยักย้ายถ่ายเทเงินจากภาครัฐไปสู่เอกชน มีคะแนนลดลงจาก 43 เป็น 37 คะแนน

            4.ดัชนี World Justice Project Rule of Law Index 2016 วัดภาพลักษณ์เกี่ยวกับการใช้ตำแหน่งหน้าที่ของรัฐในการหาประโยชน์ส่วนตน คะแนนดีขึ้นจาก 26 เป็น 37 คะแนน

 

รัฐเคลียร์ปมดัชนีคอร์รัปชั่นไทย!

 

            จะเห็นได้ว่าคะแนนของตัวชี้วัดมีทั้งดีขึ้นและแย่ลง แต่โดยรวมแล้วคะแนนของประเทศไทยในปีนี้ ปรับลดลงมาเพียงแค่ 3 คะแนนเท่านั้น คือจาก 38 เป็น 35 คะแนน แต่เนื่องจากหลายประเทศมีคะแนนเกาะกลุ่มอยู่ในช่วงเดียวกัน ทำให้อันดับของประเทศไทยตกจากเดิมลงมาหลายอันดับ

            อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังคงเดินหน้าแก้ไขปรับปรุงจุดอ่อนที่มีอยู่ และพยายามพัฒนาทุกหนทางในการขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น เพื่อสร้างความโปร่งใสให้มากยิ่งขึ้น

 

-----------------------------

(ที่มา : transparency.org)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ