
เร่งยกชั้นอุตฯไทยปรับโครงสร้างสินค้าส่งออก
“สมคิด” กระตุ้นยกระดับอุตสาหกรรมไทย เพิ่มมูลค่าสร้างรายได้ในการส่งออก
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการเปิดโครงการ “พาณิชย์ 4.0 สู่โลกการค้ายุคใหม่” พร้อมเปิดตัวสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (New Economy Academy : NEA) ว่า สถานการณ์การส่งออกของไทยในเดือนธันวาคม 2559 ปรับตัวดีขึ้น แต่หากพิจารณา โครงสร้างสินค้าส่งออกของไทยแล้ว ยังเป็นสินค้าแบบเดิม ราคาสินค้าที่ปรับขึ้นเป็นผลจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงทองคำ ขณะที่ตลาดใหญ่ๆ เริ่มสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น อย่างไรก็ตาม สินค้าอุสาหกรรมบางตัวเริ่มย้ายฐานการผลิตออกไปประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว ประเทศเวียดนาม
“ดังนั้น รัฐบาลและเอกชนไทยจะดีใจไม่ได้ จำเป็นต้องร่วมกันยกระดับอุตสาหกรรมเดิม s-curve ที่มีอยู่เดิมให้เพิ่มมูลค่า และพยายามสร้างสินค้าใหม่คือ New S-Curve เพื่อสร้างรายได้แก่อนาคตส่งออกของไทย” นายสมคิด กล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลเริ่มวางพื้นฐานไปแล้ว แต่ต้องใช้เวลา และขณะนี้ส่วนที่เริ่มเดินหน้าแล้วคือ “เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy)” ที่อยู่บนพื้นฐานสินค้าเกษตร ที่ใช้เทคโนโลยีความรู้ นวัตกรรรม ซึ่งมีนโยบายให้ภายในปีนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมต้องสร้างให้เกิดขึ้นให้ได้ ด้านผู้ประกอบการรายใหญ่ จะต้องช่วยดูแลคนตัวเล็ก ซึ่งหมายถึง ประชาชน ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) นักธุรกิจรายย่อย ประชาชนที่อยากสร้างธุรกิจของตัวเองได้ เพื่อเติบโตไปด้วยกันหรือ Inclusive Growth ซึ่งประเทศจีนใช้ Alibaba ในการช่วยให้คนตัวเล็ก ทำการค้าผ่านผ่านช่องทางออนไลน์หรือ E-commerce : อีคอมเมิร์ซ
ในส่วนของประเทศไทย หากผู้ประกอบการรู้จักปรับตัวก็สามารถทำการค้าผ่าน E-commerce ได้เช่นกัน โดยจะโฟกัสกลุ่มบุคคลอายุ 30 ปีจะต้องไม่เป็น salary man โดยอาศัยความรู้ผ่านสถาบันการศึกษา สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ จะจุดประกายให้กลุ่มคนเหล่านี้เข้าสู่การค้าแบบออนไลน์ โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ และจะต้องปรับหลักสูตรใหม่ให้ครอบคลุมถึงประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเชื่อมโยงการค้าด้วย โดยร่วมมือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง หนุนเกษตรกรทำสมาร์ทฟาร์มเมอร์ และท่องเที่ยว โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาและให้โควต้าประเทศเพื่อนบ้านมาเรียนรู้ด้วย