ข่าว

เศรษฐกิจไทยในมือใคร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์ ขมน้ำตาล หวานบอระเพ็ด โดย...พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ

 

          คนไทยแต่โบราณกาลนานมาแล้วถูกสอนจนฝังหัวว่า “สิบพ่อค้า ไม่เท่าหนึ่งพระยาเลี้ยง” หมายความว่า คนที่ทำมาค้าขายไม่มีทางร่ำรวยและมีเกียรติเท่ากับคนที่เป็นเพียงแค่ลูกน้องของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทำให้คนไทยส่วนมากจึงตั้งหน้าตั้งตาที่จะหาทางเข้ารับราชการเพื่อไต่เต้าให้ได้เป็นเพียงข้าราชการชั้นผู้น้อยก็ยังดี

          แต่โลกในยุคปัจจุบันนี้ผู้คนที่ร่ำรวยล้นฟ้ามหาศาล ล้วนแล้วแต่เป็นนักธุรกิจที่ทำการค้าขายในรูปแบบต่างๆ ทั้งสิ้น ในหลายประเทศนักธุรกิจร่ำรวยจนถึงขั้นกระโจนเข้าสู่วงการการเมือง และประสบความสำเร็จในระดับที่เป็นผู้ปกครองประเทศ มีอำนาจเหนือข้าราชการทุกระดับชั้นด้วยซ้ำไป หรือแม้แต่ทำธุรกิจอยู่เพียงอย่างเดียวไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับแวดวงการเมืองก็ตาม นักธุรกิจจำนวนมากที่ได้รับการ “อำนวยความสะดวก” จากข้าราชการทุกระดับชั้น มากกว่าประชาชนคนธรรมดาหรือแม้แต่มากกว่าข้าราชการด้วยกันก็ปรากฏให้เห็นอยู่เนืองๆ

          คนไทยที่ยังยึดติดกับคำสอนและความเชื่อในอดีตที่กล่าวเอาไว้ว่า “สิบพ่อค้าไม่เท่าหนึ่งพระยาเลี้ยง” ก็ยังคงเดินหน้าเข้าสู่ระบบราชการอย่างเต็มความสามารถ และเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนสังคมและประเทศให้ก้าวหน้าเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง แต่คนไทยยุคใหม่จำนวนหนึ่งที่ตกอยู่ในสภาพ “หัวมังกุท้ายมังกร” กล่าวคือยังยึดติดอยู่กับความสะดวกสบายในการทำงาน ต้องการวันหยุดราชการเพื่อพักผ่อนและท่องเที่ยวมากๆ แต่อยากมีรายได้สูงๆ คนเหล่านี้จึงมักจะต้องการเดินบนเส้นทางลัดเพื่อนำพาตัวเองไปสู่ความร่ำรวยอย่างง่ายๆ โดยไม่ต้องอดทนก้มหน้าทำมาค้าขาย

          หนังสือประเภทที่พาดหัวบนหน้าปกว่า 20 กลวิธีที่ทำให้รวยได้ภายในสามวัน, งานง่ายๆ ที่ทำให้ชีวิตสบาย, ทางลัดสู่ความเป็นเศรษฐี ฯลฯ จึงกลายเป็นหนังสือขายดีที่ติดอันดับต้นๆ ของประเทศไทยอยู่เสมอ เพราะคนที่ฝันหวานอยากสบายมักจะคิดเพียงแค่ว่าอ่านหนังสือจบเล่มแล้วทำตามที่หนังสือบอกก็รวยได้ทันที หรือบางคนที่อยากร่ำรวยทางลัดด้วยการอยู่เฉยๆ ก็รวยได้ ก็ถูกหลอกเข้าไปสู่ความร่ำรวยอย่างง่ายๆ ด้วยระบบแชร์ลูกโซ่ที่เป็นข่าวกันอยู่เนืองๆ เพราะคนไทยกลุ่มที่กล่าวมานั้นมีความเชื่อพื้นฐานอยู่แล้วว่า คนที่ร่ำรวยขึ้นมานั้นเป็นเพราะว่า “โชคดี” โดยไม่พยายามคิดว่าสิ่งที่ทำให้คนร่ำรวยผู้นั้นโชคดีนั้น เขาต้องทำอย่างไรบ้างกับชีวิตจึงได้มีโชคดีเช่นนั้น 

          ซึ่งเมื่อบวกกับเรื่องราวที่ปรากฏรอบตัวทุกเมื่อเชื่อวันทั้งข่าวสาร และภาพยนตร์หรือความบันเทิงแบบไทยๆ ที่ฝังรากลึกจนได้รับความนิยมมาก ก็ยิ่งทำให้คนที่ฝันอยากที่จะร่ำรวยโดยไม่ต้องทำงาน ในละครที่ดูกันล้วนแต่สร้างฝันไปในทิศทางเดียวกัน พระเอกและนางเอกไม่มีอาชีพอะไร นอกจากมีมรดกที่เจ้าคุณปู่ทิ้งไว้ให้ แม้ตอนแรกจะตกระกำลำบากแสนสาหัส แต่ท้ายที่สุดก็พิสูจน์ได้ว่าเป็นลูกหลานเศรษฐี จึงกลับเข้าไปรับมรดกมหาศาล

          การถูกฝังหัวเช่นนี้ทำให้ปัจจุบันนี้การค้าและธุรกิจใหญ่ๆ ตกอยู่ในมือของคนไทยเชื้อสายจีนเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังดีที่คนเหล่านั้นได้กลายเป็นคนไทยมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษอพยพเข้ามาหมดแล้ว แต่ในอนาคตเมื่อโลกการค้าและธุรกิจเปิดกว้างมากขึ้น คนไทยสมัยใหม่ทั้งไทยแท้และไทยเชื้อสายจีนที่กลายเป็นไทย จะสามารถนำพาเศรษฐกิจของประเทศไทยไปได้ไกลแค่ไหน หากคนไทยยังหวังอยู่กับโชคและความร่ำรวยแบบปัจจุบันทันด่วน อนาคตของเศรษฐกิจไทยก็น่าจะเป็นห่วงอยู่ไม่น้อยจริงไหมครับ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ