ร่วงกราว! หุ้นดิ่ง100จุด วอลุ่มพุ่ง1.3แสนล.

          ภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา ผันผวนค่อนข้างสูง แม้เมื่อเปิดตลาดในช่วงเช้า ดัชนีราคาหุ้นจะปรับขึ้นเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นได้ปรับตัวลดต่ำลงมาต่อเนื่อง จนปิดทำการในช่วงเช้าที่ระดับ 1,404.39 จุด ลดลง 37.82 จุด

          เมื่อเปิดตลาดช่วงบ่าย เกิดแรงเทขายออกมาอย่างหนัก กดดัชนีร่วงลงไปต่ำสุดที่ 1,442.21 จุด ลดลง 99.08 จุดหรือลดลง 6.84% แต่ดัชนีก็ดีดกลับในช่วงท้ายตลาดได้อีก จนปิดที่ 1,406.18 จุด ลดลง 36.03 จุดลดลง 2.5% มูลค่าการซื้อขาย 130,152.19 ล้านบาท ทุบสถิติใหม่มูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงสุด

          สำหรับกลุ่มนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,221.54 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 411.36 ล้านบาท รวมทั้งบัญชีหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ขายสุทธิมากที่สุด 3,023.47 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อย พบว่ามีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด และเป็นการซื้อสุทธิ 4,656.38 ล้านบาท

          นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า หุ้นไทยปรับฐานรุนแรงหลังหลุดที่ระดับ 1,400 จุด ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการถูกบังคับขาย(ฟอร์ซเซล) ในหุ้นขนาดกลางและเล็ก ประกอบกับจิตวิทยาเชิงลบต่อค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าแต่หลังจากที่ดัชนีปรับตัวลดลงไปแตะบริเวณ 1,343 จุด ทำให้เริ่มมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นหลายตัวที่มูลค่าอยู่ในระดับน่าสนใจ ส่วนมูลค่าการซื้อขายที่ทำสถิติใหม่นั้น เป็นผลจากการปรับสถานะของนักลงทุนระหว่างวันหลายครั้ง

          “อยากให้นักลงทุนมองพื้นฐานเป็นหลัก โดยหลังจากดัชนีลดลงต่ำกว่า 1,400 จุด เราแนะนำเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเป็น 60% ของพอร์ต จากเดิมที่ปรับลดลงมาเหลือ 50% เนื่องจากในระยะกลางยังเห็นแนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีโอกาสเพิ่มขึ้น และนักวิเคราะห์มีโอกาสปรับประมาณการขึ้นต่อเนื่องจนถึงครึ่งปีแรกของปี 2560”นายกรภัทร กล่าว