เอสเอ็มอีเล็กซึมไม่เห็นสัญญาณศก.ฟื้น

            นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ เอสเอ็มอี ประจำไตรมาส2/2559สำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง1,320ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1-20สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมาพบว่าดัชนีอยู่ที่48.2ลดลงจากไตรมาสแรก0.2จุดสะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่อยู่ในกลุ่มขนาดเล็กยังไม่ได้รับสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแต่ในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและใหญ่เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

            ทั้งนี้ ในช่วง2-3ปีที่ผ่านมา ดัชนีขีดความสามารถการแข่งขันเอสเอ็มอีไทยยังอยู่ในโซนหดตัว และก้ำกึ่งการฟื้นตัว และจากผลสำรวจที่พบว่าค่าดัชนีปรับตัวลดลงนั้นก็สะท้อนได้ว่า เอสเอ็มอีไทยยังไม่ได้รับสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแม้รัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรออกมาแต่ยังมีความคาดหวังว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะเริ่มปรับตัวดีขึ้น และเริ่มเข้าสู่โซนการฟื้นตัวและขยายตัวได้

            ส่วนดัชนีสุขภาพธุรกิจเอสเอ็มอี ไตรมาส2/2559อยู่ที่42.0ปรับตัวลดลง0.4จุด จากไตรมาสแรกอยู่ที่42.4โดยเมื่อสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ มองว่า ยอดขายและรายได้ในช่วงไตรมาส2/2559มีแนวโน้มคงที่และลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกซบเซา การส่งออกลด กำลังซื้อในประเทศลดลง,ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม,ภาวะการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น

            นอกจากนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ หรือ49%มองว่ายอดขายและรายได้ในปีนี้ จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน แต่มีเอสเอ็มอี29.8%ที่มองว่าอาจจะลดต่ำกว่าปีก่อน และหากกิจการไม่มีรายได้เข้ามาเลย ส่วนใหญ่ บอกว่าพอจะสามารถประคองกิจการไปได้อีก6เดือนถึง2ปีอีกทั้งส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวในปีนี้ แต่จะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังของในปีหน้า ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะมุ่งเน้นให้ความสำคัญในเรื่องของการลดต้นทุนเป็นหลัก ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย รองลงมาคือ การขยายตลาด ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ทำการตลาดเชิงรุก สร้างความต่างให้กับสินค้าและแก้ปัญหาการขาดสภาพคล่องของธุรกิจเพื่อรอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
            
            อย่างไรก็ดี หอการค้าไทยได้คาดการณ์จีดีพี ของเอสเอ็มอีไทยในปี2559คาดว่า จะมีการขยายตัว3.9%เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อยที่มีการขยายตัว3.6%ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการณ์ตัวเลขจีดีพีของประเทศปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวอยู่ในกรอบ3.33%ปัจจัยบวกต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเอสเอ็มอีไทยในช่วงครึ่งปีหลังคือ การที่รัฐบาลประกาศให้เอสเอ็มอีเป็นวาระแห่งชาติ และมีมาตรการที่ชัดเจนในการช่วยเหลือสนับสนุนเอสเอ็มอี สถานการณ์การเมืองมีเสถียรภาพ ภาคการท่องเที่ยวและการค้าชายแดนยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การเบิกจ่ายงบประมาณและการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐที่จะมีเม็ดเงินเติมเข้าระบบในช่วงครึ่งปีหลัง และสถานการณ์ภัยแล้งที่เริ่มคลี่คลาย ขณะที่ปัจจัยลบสำคัญคือ สัดส่วนหนี้สินของภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงที่มีผลทำให้อำนาจซื้อของภาคครัวเรือนลดต่ำลง