กรมโรงงานอุตสาหกรรมตรวจพบเรือญี่ปุ่นขน กากอิเล็กทรอนิกส์ กว่า 196 ตันเข้าไทย เผยจัดเป็นของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบาเซล เตรียมส่งกลับ 29 ก.ค.นี้
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 กรกฎาคม 2559 นายศักดา พันธ์กล้า รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีเตรียมส่ง กากอิเล็กทรอนิกส์ 196 ตัน ประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า กลับประเทศญี่ปุ่น หลังจากตรวจพบเอกชนลักลอบนำเข้าผิดกฎหมาย พร้อมด้วยนายสมคิด วงศ์ไชยสุวรรณ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม , ดร.จุลพงษ์ ทวีศรี รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม , นายสุวรรณ นันทศรุต รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ , นายกิตติ สุทธิสัมพันธ์ ผู้อำนวยการศุลกากรแหลมฉบัง , ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้ประกอบการท่าเรือแหลมฉบัง เข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ ที่บริเวณโกดัง ซี 3 ท่าเรือแหลมฉบังอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
สืบเนื่องจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ตรวจสอบพบเรือขนส่งสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น ขนซาก กากอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แล้ว จำนวนทั้งสิ้น 7 ตู้คอนเทรนเนอร์ ปริมาณรวม 196.11 ตัน ซึ่งกากอันตรายดังกล่าวจัดเป็นของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบาเซล อีกทั้งยังเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 แห่ง พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ผู้ใดนำเข้าจะต้องได้รับการอนุญาตนำเข้าวัตถุอันตราย อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวนับว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย
ทั้งนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม จะดำเนินการ ส่งกลับญี่ปุ่น! กากอิเล็กทรอนิกส์ 196 ตัน วันที่ 29 กรกฎาคม 2559
คาดว่าจะถึงประเทศต้นทางในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 หลังจากนั้นกระทรวงสิ่งแวดล้อม ประเทศญี่ปุ่น จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ส่งออกต่อไป
นายศักดา พันธ์กล้า รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้รับแจ้งจากกระทรวงสิ่งแวดล้อมประเทศญี่ปุ่น ให้เฝ้าระวังและตรวจสอบสินค้าที่จะมีการนำเข้า กากอิเล็กทรอนิกส์ ประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นสินค้าที่เข้าข่ายการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดน โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ประสานความร่วมมือไปยังกรมศุลกากรเพื่อเฝ้าระวังการนำเข้าสินค้าประเภทดังกล่าวมายังประเทศไทย
โดยเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2557 เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เข้าตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 8 ตู้ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง มีต้นทางจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสินค้าสำแดงเป็นเศษโลหะ (metal scrap) เศษทองแดง (copper scrap) และเศษอลูมิเนียม (alumiunm scrap) จากการตรวจสอบสินค้าจำนวน 1 ตู้คอนเทนเนอร์ถูกต้องตรงตามสำแดง แต่ตู้คอนเทนเนอร์อีกจำนวน 7 ตู้ที่เหลือ ตรวจพบเป็น กากอิเล็กทรอนิกส์ ซากเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แล้ว ปริมาณรวม 196.11 ตัน
สำหรับ กากอิเล็กทรอนิกส์ ซากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แล้วดังกล่าว จัดเป็นของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบาเซล และเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 โดยการนำเข้าดังกล่าวจะต้องได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กรณีดังกล่าวทำให้ผู้นำเข้ามีความผิดฐานสำแดงสินค้าเป็นเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อห้าม ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469
อย่างไรก็ตาม กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมดำเนินการประสานไปยังกรมศุลกากร กรมควบคุมมลพิษ และเอกชนที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้เพื่อยุติปัญหาและได้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้นำเข้า ขณะเดียวกันได้ประสานไปยังกระทรวงสิ่งแวดล้อมประเทศญี่ปุ่น เพื่อขอคำยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรในการส่งสินค้าดังกล่าวกลับต้นทาง โดยประเทศญี่ปุ่นได้ตอบรับและยินยอมให้ส่งของเสียทั้งหมด
นายสมคิด วงศ์ไชยสุวรรณ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า การจัดส่งของเสียอันตรายทั้งหมด กลับไปยังประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของอนุสัญญาบาเซล ที่มีภาคีสมาชิก 183 ประเทศ และยังเป็นการแสดงถึงความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลญี่ปุ่น ที่มีเจตนารมณ์ในการยุติปัญหาการลักลอบเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายระหว่างประเทศ และแสดงถึงความเอาจริงเอาจังของรัฐบาลไทยในการป้องกันลักลอบนำเข้าของเสียที่เป็นอันตรายเข้ามาทิ้งภายในประเทศ โดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
นายสมคิด กล่าวอีกว่า ยังเป็นการร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญในการดำเนินตามพันธกรณีที่ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้ในการร่วมมือกับนานาประเทศเพื่อยุติปัญหาการลักลอบเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายระหว่างประเทศ และเป็นไปตามข้อตกลงของอนุสัญญาบาเซล ตลอดจนเพื่อสร้างมาตรฐานของการบริหารกากของเสียของไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานการจัดการกากของเสียสากล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง