ข่าว

เอกชนเมินเงื่อนไขเข้มแห่ ประมูลข้าว รัฐ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พาณิชย์พอใจเอกชนสนใจ ประมูลข้าว รัฐคึกคัก เมินเงื่อนไขสุดเข้มเชื่อช่วยทำต่อรองได้ราคาดี ด้านผู้ส่งออกข้าวผวาราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่งเฉลี่ยตันละ 50 ดอลลาร์สหรัฐ


              รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2559 กรมการค้าต่างประเทศ ได้เปิดให้เอกชนยื่นซองเอกสารคุณสมบัติ เพื่อพิจารณาการเข้าร่วม ประมูลข้าว เสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐให้กับภาคเอกชนที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ครั้งที่ 1/2559 นั้น พบว่ามีเอกชนสนใจยื่นซองคุณสมบัติ จำนวน 9 ราย

              นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า เอกชนให้ความสนใจ ประมูลข้าว ของรัฐในจำนวนที่น่าพอใจ แม้การระบายทั้งสองรูปแบบจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวด เช่น ต้องมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศอยู่แล้ว ซึ่งยอมรับว่าแม้มีข้อจำกัดทั้งเรื่องกำหนดเวลาขนย้ายและการส่งหลักฐานคำสั่งซื้อและรายงานการส่งออกจริง แต่ก็ยังมีเอกชนจำนวนมากพอสมควรให้ความสนใจ ซึ่งจะนำไปสู่การเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการตรวจสอบคุณสมบัติอีกครั้ง จึงจะทราบว่าเหลือเอกชนกี่รายที่สามารถซื้อข้าวรัฐภายใต้เงื่อนไขนี้ได้ จากปริมาณการระบายทั้งหมด 2.18 ล้านตัน

              “เงื่อนไขค่อนข้างจำกัด แต่ก็ยังมีเอกชนสนใจมาซื้อ ชี้ให้เห็นว่าตลาดมีความต้องการซึ่งเราก็จะตรวจสอบคุณสมบัติให้ครบถ้วนเพราะการขายแบบนี้ต้องเป็นคนที่มีออเดอร์ในมือแล้วจริงๆ จึงจะกล้าเสนอตัวเพราะถ้าพบว่ามายื่นเล่นๆ หรือลองดูทั้งที่ยังไม่มีตลาดในมือก็จะเสียประวัติกับกรม” นางดวงพร กล่าว

              ขณะที่มีรายงานข่าวว่า ในวันเดียวกันนี้ (21 ก.ค.) กรมการค้าต่างประเทศ ยังเปิดให้เอกชนยื่นเสนอคุณสมบัติสำหรับการประมูลเป็นการทั่วไปและเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม ครั้งที่ 1/2559 ปริมาณ 1.63 ล้านตัน มีเอกชนสนใจเสนอคุณสมบัติ จำนวน 38 ราย

              ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าการส่งออกปี 2559 จะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ที่ 9.5 ล้านตัน โดยคาดว่าจะส่งออกได้เพียง 9.2 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม แม้ปริมาณจะลดลงแต่คาดว่ามูลค่าการส่งออกจะไม่ลดลงจากปีที่ผ่านมา เพราะราคาข้าวของไทยปัจจุบันสูงกว่าคู่แข่งเฉลี่ยที่ตันละ 50 ดอลลาร์สหรัฐ โดยราคาข้าวขาวเก่าของไทยอยู่ที่ประมาณตันละ 360 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนข้าวใหม่ตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลมาจากราคาข้าวในประเทศไทยแพงขึ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากฝนทิ้งช่วงและเกิดภัยแล้งในหลายพื้นที่จนทำให้ผลผลิตลดลง 

              นอกจากนี้ อินเดียผลผลิตเริ่มดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่วนเวียดนามก็ไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งมากตามที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่จีน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ผลผลิตในประเทศมากขึ้นรัฐบาลจึงยังไม่มีความจำเป็นต้องนำเข้าข้าวจากไทยในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าในไตรมาสที่ 3 และ 4 นี้ ประเทศผู้นำเข้าข้าวจะมีคำสั่งซื้อเข้ามาบ้าง ตามวงจรการค้าข้าวปกติ

              “สิ่งที่รัฐบาลต้องทำก็คือการเน้นโรดโชว์ให้มากขึ้นเพื่อโปรโมตข้าวไทย โดยเฉพาะตลาดข้าวพรีเมียม เช่น สิงคโปร์และฮ่องกง เพราะการที่จะเเข่งขายข้าวขาวทั่วๆ ไปนั้นทำได้ยากขึ้นเพราะคู่แข่งมีศักยภาพมากกว่าโดยเฉพาะด้านราคา นอกจากนี้ อยากให้รัฐบาลเร่งระบายข้าวเก่าออกมาเพื่อให้ราคาข้าวไทยในประเทศปรับตัวลดลงบ้างเพื่อลดแรงกดดันและทำให้ราคาส่งออกข้าวไทยให้สามารถแข่งขันได้ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น ส่วนในระยะยาวก็ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการตามยุทธศาสตร์ข้าวที่เคยสัญญาไว้เพื่อแก้ไขปัญหาข้าวทั้งระบบ” นายชูเกียรติ กล่าว

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ