ข่าว

เปิดกลยุทธ์'นิรันดร์ จาวลา'ต้นทุนต่ำ-ป่าล้อมเมืองสู่ชัยชนะ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดกลยุทธ์'นิรันดร์ จาวลา' ต้นทุนต่ำ-ป่าล้อมเมืองสู่ชัยชนะ : คมคิดนิวเจนฯ เรื่องสกาวรัตน์ ศิริมา ภาพ นิศานาถ กังวาลวงศ์

  เปิดกลยุทธ์'นิรันดร์ จาวลา'ต้นทุนต่ำ-ป่าล้อมเมืองสู่ชัยชนะ

 

             ก้าวย่างของ "จีพีซีเอ็มกรุ๊ป" ภายใต้การกุมบังเหียนของตระกูลจาวลา กลุ่มนักธุรกิจชื่อดังของ จ.เชียงใหม่ ไม่เพียงแต่สร้างปรากฏการณ์ธุรกิจโรงแรมสไตล์บูติคแอนด์บัดเจ็ท ภายใต้ชื่อว่า "บีทู" หรือ B2 ติดตลาดสำหรับธุรกิจโรงแรม โดยเห็นได้จากภายในระยะเวลาเพียง 8 ปี มีสาขาครอบคลุมในทุกภาค รวม 24 แห่ง และขยายแฟรนไชส์ไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 1 แห่ง มีมูลค่าการลงทุนร่วม 2,500 ล้านบาท เท่านั้น

              หากแต่ยังเป็นดัชนีที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของธุรกิจ "โลคัลแบรนด์" ที่มีการเติบโตอย่างน่าจับตามอง โดยเฉพาะในธุรกิจโรงแรม เมื่อเข้าสู่ยุคการค้าไร้พรมแดน สำหรับกิจการของเครือโรงแรมบีทู เป็นที่คุ้นเคยของกลุ่มลูกค้าชาวไทย วัดได้จากอัตราเข้าพักอยู่ที่ร้อยละ 90 ของจำนวนห้องพัก ดังนั้นการบริหารโรงแรมที่มี 1,600 ห้อง กระจายอยู่ทั่วประเทศ จึงเป็นความท้าทายต่อการวางระบบบริหารจัดการที่ดี

              "กลยุทธ์ป่าล้อมเมือง" ตอบโจทย์ให้แก่เครือโรงแรมบีทูได้อย่างลงตัว และยังมองเห็นถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน แม้จะเป็นเพียงธุรกิจเล็กๆ ที่เติบโตจากหัวเมืองใหญ่ของภาคเหนืออย่าง จ.เชียงใหม่ แต่ นิรันดร์ จาวลา น้องชายคนสุดท้องของตระกูล "จาวลา" ที่เข้ามารับหน้าที่ซีอีโอ กลับมองว่า การทำการบ้านมีส่วนสำคัญ หากไม่สร้างรากฐานก็คงไม่สามารถก้าวเดินไปได้

              "ผมเป็นคนเชียงใหม่แต่กำเนิด เติบโตจากที่นี่ ย่อมรู้ว่ามีศักยภาพเป็นฐานทัพที่มั่นคง การตัดสินใจลงทุนทำธุรกิจโรงแรมให้ลูกค้าประหยัดเงินในราคาหลักร้อยแต่มีความสะดวกสบาย ท่ามกลางโรงแรมที่มีอยู่แล้วกว่า 800-900 แห่ง แน่นอนว่าหากทำการบ้านไม่ดีคงไม่มีวันนี้"

              นิรันดร์ ในวัยเพียง 39 ปี แบกรับบทบาทซีอีโอ บริษัท จีพีซีเอ็มกรุ๊ป จำกัด ถือเป็นแกนหลักที่ทำให้ธุรกิจของกลุ่มก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะให้ความสำคัญในการนำเทคโนโลยีเข้ามาดำเนินธุรกิจโรงแรม แม้อาจจะไม่แตกต่างแต่ก็ล้ำหน้าไปไกลกว่าที่คิด ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนต่ำ แต่คุ้มค่าสำหรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ

              แนวคิดทำโรงแรมมาตรฐานสากลแต่ราคาถูก เป็นโจทย์ที่ท้าทายว่าทำอย่างไรที่จะขายห้องหลักร้อยบาท  และสิ่งเดียวที่จะขับเคลื่อนคือการเดินหน้าพัฒนาระบบจองห้องพัก การขายห้องพัก และการบริการ ตลอดจนการคืนกำไรให้แก่ลูกค้า ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ ปัจจัยเหล่านี้มาจากความมีทักษะด้านระบบคอมพิวเตอร์ และปัจจุบันผู้บริหารธุรกิจรายนี้ กำลังศึกษาระดับปริญญาเอก คณะการจัดการวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จึงทำให้การเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างธุรกิจ และเทคโนโลยีเข้าถึงกันได้อย่างลงตัว และควบคุมต้นทุนได้อย่างดี    
              
              สำหรับ จ.เชียงใหม่ ที่นี่ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ ที่พร้อมเป็นศูนย์กลางการลงทุนของเครือโรงแรมบีทู ดังนั้นสไตล์โรงแรมที่มีความแตกต่างเน้นลูกค้าคนไทยเป็นหลัก จึงเหมาะสมที่จะลงทุนในต่างจังหวัดให้แข็งแรงก่อน

              นิรันดร์ย้ำว่า "ต้องไม่ลืมว่าเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยว ใครไปใครมาต้องรู้จัก มาทดลองพัก ก่อนจะกลายเป็นติดใจ เมื่อที่นี่พร้อมทำให้ทุกวันนี้มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ เพราะพื้นฐานการลงทุนแข็งแรง เปรียบเสมือนเราสร้างบ้านด้วยการเทปูนซีเมนต์ ณ เวลานี้ ถือว่าเกินเป้าหมายที่ต้องการ หากอยู่ในเวทีมวยเราพร้อมจะข้ามรุ่นไปชกรุ่นใหญ่ได้"

              ผู้บริหารรายนี้ ให้ทัศนะว่าสิ่งที่นำพาให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ เพราะมีครอบครัวเป็นทีมเวิร์ก  จากที่เติบโตมาจากธุรกิจขายผ้าเมตรในตลาดวโรรส จ.เชียงใหม่ โดยมี มนตรี จาวลา (บิดา) ที่เป็นตัวอย่างของคนทำงานหนักตลอดเวลา ทั้งยังให้แนวคิดว่า "ยิ่งทำงานหนักยิ่งได้เรียนรู้ ยิ่งเข้าใจ เมื่อประสบความสำเร็จด้วยตัวเราเอง ก็จะสบายเร็วกว่าคนอื่น ซึ่งที่ผ่านมา ธุรกิจของครอบครัวเป็นเหมือนโรงเรียนที่ให้เรียนรู้การจัดการ การขาย และการต่อรอง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีความเป็นนักขาย และนักการตลาดอยู่ในตัว"

              การลงทุนของเครือโรงแรมบีทู ไม่ได้มีเพียงไอเดีย การลงมือปฏิบัติ และการขับเคลื่อนเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญคือ การให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี เพราะถือว่าเป็นการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ๆ และง่ายต่อการบริหารจัดการ ตอนแรกที่หารือกับครอบครัวทุกคนเป็นห่วงที่จะลงทุนเงินนับหลายล้านบาทกับสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่ผ่านมาถึงวันนี้ทุกคนเอ่ยปากว่า "เป็นการวางระบบที่ดี และธุรกิจยังมีโครงข่ายเทคโนโลยีที่เข้มแข็งในอนาคต"

              ส่วนอีก 2 คน คือ พิชัย จาวลา และ วสันต์ จาวลา พี่ชายคนโตและพี่ชายคนรอง ที่เป็นนักลงทุน และนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ระดับชั้นนำของ จ.เชียงใหม่ ก็เปรียบเป็นคลังสมอง ที่ทำให้สามารถยืนบนเส้นทางการทำธุรกิจแบบมั่นใจ เพราะทั้งคู่ให้การยอมรับในไอเดียใหม่ และสนับสนุนมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อองค์ประกอบครบ ยิ่งทำให้การดำเนินธุรกิจเคลื่อนไหวไปได้อย่างรวดเร็วและเป็นระบบ

              และเป็นธรรมดาอยู่เอง บางครั้งธุรกิจพันล้านที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของ นิรันดร์ จาวลา อาจไม่ได้ราบรื่น ซึ่งเขาก็เลือกที่จะใช้วิธีแก้ปัญหา ด้วยการพาตัวเองออกไปหาประสบการณ์ด้วยการเดินทาง และการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ในตำราเรียน บ่อยครั้งเขาพบว่าการออกไปดูโลกกว้าง ไปดูคนอื่นทำงานที่ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเอง กลายเป็นการสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี 

              "บางครั้งในการดำเนินธุรกิจ ที่มีความหลากหลายของปัญหาเมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจอื่นๆ หากว่าถึงทางตันจริงๆ ผมก็เลือกที่จะใช้วิธีระดมสมองคนในองค์กร เพื่อหาไอเดีย และมุมมองของพนักงาน เพื่อมาหาข้อสรุปที่จะเป็นข้อแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด เพราะการทำงานเป็นทีมเวิร์กก็มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาองค์กร แต่ท้ายที่สุดคือ ผมก็ยังมองว่าปัญหาคือการเรียนรู้ที่ทุกคนสามารถแก้ไขได้ และจะเป็นประสบการณ์ที่ช่วยนำพาให้สามารถทำการแก้ไขปัญหาที่ยากขึ้นได้ด้วย 

              ดังนั้นการเรียนรู้ และการศึกษาที่ดี จึงจะเป็นทางออกของการแก้ไขปัญหาได้ด้วย 

              และสิ่งนี้นี่เอง ที่ทำให้นิรันดร์ก้าวถึงบทสรุปที่เขาและครอบครัวพร้อมตอบแทนสังคม อันเป็นที่มาของการจัดตั้งมูลนิธิจาวลา แชริตี้ เมื่อปี 2555 เพื่อช่วยยกระดับการศึกษาให้แก่เด็กๆ ที่ขาดโอกาสทางการศึกษา และคืนกำไรให้แก่ลูกค้าที่เข้าพักโรงแรมเครือบีทูได้มีส่วนร่วมทำบุญ โดยทุกห้องพักจะถูกหักเงิน ไว้ห้องละ 1.50 บาทต่อห้องต่อคืนจากราคาห้องพักที่ลูกค้าจ่ายเงินมา และทางบริษัทจะสมทบอีก 1 เท่าตัว เพื่อนำเงินเหล่านี้ไปใช้ในกิจกรรมช่วยเหลือเด็กๆ ในพื้นที่ทุรกันดาร, เด็กพิการ และเด็กยากจนเป็นประจำทุกๆ ปี 


ย่างก้าวต่อไปนำบีทูเข้าตลาดหลักทรัพย์
 

              นิรันดร์ จาวลา ซีอีโอ บริษัท จีพีซีเอ็มกรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมา เครือโรงแรมบีทู ไม่เคยหยุดการพัฒนา ใช้กลยุทธ์ขายห้องพักผ่านเว็บไซต์ B2hotel.com ซึ่งถือเป็นโรงแรมแรกของประเทศไทยที่เปิดช่องให้ลูกค้าชำระเงินผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส และพัฒนาให้ใช้งานได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และภาษาจีนในอนาคต เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่จองห้องพักล่วงหน้า สามารถชำระเงินผ่านบัตรเครดิต และชำระเงินสดผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส รวมถึงตู้เบิก-ถอนเงินสดอัตโนมัติ (เอทีเอ็ม) และพบว่าการจองห้องพักล่วงหน้าทางออนไลน์ มีแนวโน้มขยายตัวถึงร้อยละ 35 จากลูกค้าทั้งหมด

              เป็นการบริหารจัดการธุรกิจโรงแรมสมัยใหม่ ที่เข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่อยู่ในยุคโซเชียลมีเดีย และล่าสุด ได้รับการอนุญาตเป็นผู้บริการบัตรเงินสด ประเภท ข จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อดำเนินการบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ชื่อว่า "I AM B2" ซึ่งจะเป็นบัตรสมาชิกที่ครอบคลุมไปถึงการชำระค่าห้องพักผ่านระบบเติมเงิน ลูกค้าสามารถเข้าพักที่โรงแรมสาขาใดก็ได้ในเครือบีทู และยังได้คะแนนสะสม เพื่อแลกเป็นของรางวัลหรือเงินได้ โดยลูกค้าสามารถสมัครสมาชิกได้ฟรี และตรวจสอบสถานะทุกอย่างผ่านระบบออนไลน์ด้วยตัวเอง

              นิรันดร์ บอกว่า การทำธุรกิจของเครือโรงแรมบีทู  ทุกอย่างต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเกือบทั้งหมด ขณะที่การสร้างเครือข่ายเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องวางแผนไว้รองรับ ขณะนี้ถือเป็นโรงแรมแรกของประเทศไทย ที่จะเปิดใช้บัตรสมาชิกอย่างเป็นทางการ คือ I AM B2 ในเดือนมีนาคม เพื่อรองรับลูกค้าบุคคลทั่วไป และองค์กร อีกทั้งต่อไปจะมีการพัฒนาให้ลูกค้าเช็กอินห้องพัก และเลือกห้องพักผ่านตู้อิเล็กทรอนิกส์ของโรงแรมด้วยตนเอง ที่รองรับได้หลากหลายภาษา โดยไม่ต้องพกเงินสด และยังสะสมคะแนน ซึ่งเป็นการคืนกำไรให้แก่ลูกค้าอีกด้วย

              "ผมพัฒนาระบบบัตรสมาชิกมานานกว่า 2 ปี เป็นการต่อยอดจากระบบการบริหารจัดการของโรงแรมที่ทำไว้ก่อนแล้ว เพราะต่อไปเป้าหมายการเปิดสาขา 1 ปี ต้องอย่างต่ำ 5 แห่ง โดยอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีครบ 50 สาขา ยังไม่รวมกับแฟรนไชส์ที่นำร่องไปแล้วที่ สปป.ลาว 1 สาขา โดยบัตรสมาชิกนี้เป็นจุดเริ่มต้นวิวัฒนาการการทำธุรกิจในศตวรรษที่ 21 จะไม่เพียงแต่ทำให้การบริหารจัดการการจองห้อง, การเข้าพัก, การคืนกำไรให้แก่สมาชิกทุกชาติทุกภาษาแล้ว ยังเป็นการแชร์ข้อมูลลูกค้าผ่านระบบอินเทอร์เน็ต สำหรับการลงทุนของระบบแฟรนไชส์ของเครือโรงแรมบีทูในอนาคตด้วย"  

              ส่วนการก้าวต่อไปทางธุรกิจ ที่วางแผนไว้คือการต่อยอด ด้วยการเตรียมเปิดร้านอาหาร ภายใต้ชื่อว่า 2 CAFE ย่านริมน้ำปิงของ จ.เชียงใหม่ 2 แห่ง เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการเข้าถึงธุรกิจในเครือโรงแรมบีทูมากขึ้น และรวมไปถึงธุรกิจในกลุ่มจีพีซีเอ็มในอนาคต โดยเฉพาะธุรกิจคอนโดมิเนียม และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตมาพร้อมๆ กับธุรกิจโรงแรม ขณะที่ร้านอาหารนี้จะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่เข้าพักโรงแรมสามารถรับประทานอาหารเช้าด้วยรูปแบบ ในเวลาไหนก็ได้โดยไม่จำกัดเวลา 

              ขณะเดียวกัน ก้าวเดินที่ไม่หยุดนิ่งคือ การผลิตกาแฟภายใต้แบรนด์ "B2 COFFEE" เป็นของตัวเอง ถือเป็นสินค้าใหม่ โดยลูกค้าที่เข้าพักในโรงแรมจะมีบริการในห้องพักดื่มได้ฟรี ส่วนลูกค้าทั่วไปสามารถเข้ามาใช้บริการได้ภายในร้าน 2 CAFE ในราคาที่ย่อมเยาตามแนวคิดเดียวกับโรงแรม ซึ่งจะถือเป็นธุรกิจโมเดลใหม่ที่จะเข้าถึงความเป็นบีทูผ่านร้านกาแฟได้อย่างลงตัว ส่วนแผนงานต่อไปนับจากนี้ ภายใน 5-10 ปีข้างหน้า เมื่อเครือโรงแรมบีทูแข็งแรงรอบด้าน จะขยายการลงทุนด้วยการนำกิจการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อตอบโจทย์ว่าการทำธุรกิจมีการเติบโตอย่างยั่งยืน 

              ประการสำคัญ การพัฒนาระบบโครงข่ายเทคโนโลยีทั้งหมด เป็นการไขกุญแจไปสู่การปูพรมทำธุรกิจของเครือโรงแรมบีทูในอนาคตที่ไม่เพียงแต่จะเป็นการลงทุนในประเทศเท่านั้น แต่พร้อมที่จะขยายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศ ผ่านระบบแฟรนไชส์ โดยจะเริ่มนำร่องในกลุ่มประเทศอาเซียนก่อน เพราะถือว่าเป็นตลาดใหม่ที่มีความน่าสนใจ  



 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ