ศอฉ.แถลงยังไม่จำเป็นประกาศเคอร์ฟิว เพื่อแยกผู้บริสุทธิ์ออกจากกลุ่มก่อการร้าย เหตุสถานการณ์ยังสามารถควบคุมได้ นปช.ร้องรัฐบาลสั่งหยุดยิงเข้าสู่กระบวนการเจรจา
(16พ.ค.) ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร. 11 รอ.) เมื่อเวลา 12.00 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. แถลงข่าวภายหลังการประชุม ศอฉ. โดยที่ประชุมมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะ ผอ.ศอฉ.เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ที่ประชุม ศอฉ. ได้มอบหมายให้ตำรวจไปประสานงานกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และประสานงานกับเจ้าหน้าที่สภากาชาด เอ็นจีโอ เพื่อเข้าไปในพื้นที่ชุมนุมที่แยกราชประสงค์ เพื่อไปเชิญชวนให้ประชาชนโดยเฉพาะ สตรี เด็ก และ คนชรา ออกนอกพื้นที่
ทางเจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกให้ สิ่งสำคัญในการปฏิบัติภารกิจจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ หรือได้ผลแค่ไหน ต้องขอร้องสื่อมวลชนได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่เพื่อไปนำประชาชนที่ชุมนุมในพื้นที่ออกจากพื้นที่ ซึ่งจะสามารถออกพื้นที่ได้ในทุกเส้นทาง เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในทุกเส้นทาง และจะอำนวยความสะดวกในการส่งกลับบ้าน ไม่เฉพาะสตรี เด็ก คนชรา แม้แต่ชายฉกรรจ์ก็สามารถออกมาได้ แต่จะต้องแสดงเจตนารมย์อย่างชัดเจน โดยไม่มีอาวุธนำออกมา ส่วนโทษที่ทำผิดตาม พรก.ฉุกเฉิน ถ้าออกมาตามคำเชิญชวนจะได้รับโทษผ่อนผัน เจ้าหน้าที่พร้อมรับข้อมูล เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะหลงผิดไป โดยจะดำเนินการตั้งแต่บัดนี้ไปถึง เวลา 15.00 น. ของวันพรุ่งนี้ ( 17 พ.ค.) ทั้งนี้เราพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนปลอดภัยมากที่สุด
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า เรื่องของการประกาศเคอร์ฟิวส์ภายในเขตต่าง ๆ และถนนเส้นสำคัญ ในพื้นที่ กทม. ไม่ได้หมายความว่าเราจะประกาศเคอร์ฟิวส์ในพื้นที่ทั้งหมด แต่จะดูเฉพาะพื้นที่ที่จำเป็น และ ถนนเส้นสำคัญเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ที่ตั้งด่านอยู่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ง่ายขึ้น ไม่เป็นภาระในการแยกประชาชนผู้บริสุทธิ์ออกจากกลุ่มก่อการร้าย อย่างไรก็ตาม ต้องทำความเข้าใจว่าการปิดถนนกับการกำหนดให้มีเคอร์ฟิวส์แตกต่างกัน การปิดถนนคือไม่ให้มีการสัญจรภายในพื้นที่ แต่เคอร์ฟิวส์ที่จะประกาศในถนนเส้นหนึ่งเส้นใดหมายความว่าห้ามไม่ให้พี่น้องประชาชนเดินเข้าไปเดินอยู่บนถนนเส้นนั้นเลย ซึ่งในรายละเอียดของการประกาศเคอร์ฟิวส์นั้น วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ดำเนินการวางแผน แล้วกลับมาประชุมหารือในรายละเอียดเพิ่มเติมที่ศอฉ.ในวเลา 14.30 น. อีกครั้ง เพื่อลงรายละเอียดว่าพื้นที่ใดบ้างเขตไหนบ้าง หรือถนนเส้นทางไหนบ้าง ทั้งนี้ในช่วงที่สถานการณ์ขณะนี้นั้น ทาง ศอฉ. ได้ข้อมูลข่าวสารมาว่ากลุ่มก่อการร้ายพยายามสร้างสถานการณ์โดยพยายามจะใช้กระสุนยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ เพื่อให้เข้าใจผิดว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่อีกฝ่ายหนึ่งต่อเจ้าหน้าที่อีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการปลอมแปลงใส่ชุดใส่เครื่องแบบที่คล้ายทหารกับตำรวจในขณะเดียวก็มีข้อมูลข่าวสารว่ามีความพยายามทำร้ายพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อมวลชน ทางศอฉ. การปฏิบัติของสื่อมวลชนขอให้ระมัดระวังการเข้าไปในพื้นที่ต่าง ๆ ต้องพยายามประสานงานกับเจ้าหน้าที่ ทั้งทหาร ตำรวจเพื่อำนวยความสะดวก ให้เกิดความปลอดภัย
“ ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำ ตำรวจ และ ทหาร ที่ปฏิบัติงานตั้งด่านต่าง ๆ ได้อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในทุกพื้นที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถไปปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และเจ้าหน้าที่ได้รับการดูแลปลอดภัยอย่างดีที่สุด นอกจากนี้ยังได้สั่งการหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติภารกิจในการรักษาความสงบเรียบร้อย ได้ร่วมกันบริจาคโลหิตให้กับสภากาชาดทั้งในพื้นที่กทม. และต่างจังหวัด เพื่อนำเลือดมาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนเรื่องการปล่อยข่าวลืออยากให้ประชานในวิจารญาณในการรับข่าว” พ.อ.สรรเสริญ
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ช่วงสถานการณ์ขณะนี้จะมีข่าวลือเกิดขึ้นค่อนข้างมาก ขอให้พี่น้องประชาชนใช้วิจารณญาณในการบริโภคขอมูลข่าวสาร เพราะเจ้าหน้าที่ ศอฉ.จะแถลงข้อมูลให้รับทราบตลอดเวลา ว่ามีข้อมูลลักษณะมีกองกำลังต่างชาติเข้ามาสร้างควาวุ่นวายก่อเหตุร้าย หรือมีคนตายใต้ทางด่วน ชายชุดดำแต่งกายมา 100 - 200 คนเข้ามาปฏิบัติการ ข้อมูลเหล่านี้เป็นความพยายามปล่อยข่าวเพื่อให้เกิดความสับสนในสังคม การบริโภคข้อมูลข่าวสารทางสื่อทั้งหลายขอให้ตรวจสอบให้ละเอียด
“ ผมมั่นใจว่าสื่อทั้งหลายลงเนื้อหารายละเอียดได้ชัดเจน หากประชาชนทั่วไปบริโภคข้อมูลไม่ครบ เฉพาะภาพอย่างเดียวก็อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดคาดเคลื่อนไปได้ เช่น การแสดงภาพเจ้าหน้าที่ชุดระวังป้องกัน ที่ตึดชาญอิสระ ที่พระรามสี่ และภาพผู้ที่นอนเสียชีวิตอยู่ที่เซ็นจูรี่แถวราชปรารถ ซึ่งเนื้อหาที่สื่อรายงานได้ชัดเจนว่าเป็นพื้นที่คนละส่วนกัน เป้นคนกรณีกัน ถ้าหากท่านบริโภคไม่ครบดูเฉพาะภาพอย่างเดียวไม่ดูในรายละเอียดก้อาจเข้าใจผิดได้ จึงเป็นเรื่องที่ ศอฉ.ประชุมในวันนี้รวมทั้งนี้ ” พ.อ.สรรเสริญกล่าว
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เราพยายามจะไม่ให้เกิดเหตุการ์ที่ประชาชนจะต้องสูญเสีย ซึ่งวันนี้ยังไม่สามารถสรุปตัวเลขได้ วิธีการที่ดีคือการยุติการชุมนุม ทุกคนเข้าสู่กระบวนการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวโทษร้องทุกข์ก็พร้อมที่จะถูกตรวสอบ โดยขณะนี้เราจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นแกนหลัก ทุกกระทรวง กาชาด สื่อมวลชน ได้เข้าไปในพื้นที่แล้ว สิ่งที่เราพยายามอย่างดีทีสุดคืออการได้รับการตรวจสอบ หากเราได้รับการร่วมมือกัน ผู้ก่อการร้ายไม่มีพลังเพียงพอที่จะต้านความต้องการของท่าน ประชาชนที่หลงผิดบางส่วน จะได้ออกจากพื้นที่ได้
“ วันนี้ที่ประชุมยังไม่ได้พูดถึงเข้าสลายการชุมนุม เพราะเจ้าหน้าที่จะระมัดระวังมากที่สุด ซึ่งในวันนี้รามีมาตราการเพิ่มขึ้น และมั่นใจว่าประชาชนทุกฝ่ายไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย เราจึงให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการสร้างความปลอดภัย ” พ.อ.สรรเสริญล่าว
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าแกนนำจะให้ทางเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่ชุมนุมหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ต้องลองดูดีกว่าไม่ได้ลอง สวนรัฐบาลทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ในการปฏิบัติการครั้งนี้ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เราไม่ได้ยิงเด็กและสตรี ต้องดูว่ากลุ่มผู้ที่เป็นผู้ก่อการร้ายเคลื่อนที่เข้ากดดัน ก็มีการแจ้งในมาตราการจัดการ เรามั่นใจว่าเรายิงผู้ก่อการร้าย มั่นใจว่าจะไม่มีการยิงโดนเด็กและสตรี แต่ไม่มั่นใจว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายจะยิงอย่างไร หากไม่จัดการก็มีตัวเลขเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต บาดเจ็บเหมือนเช่นที่ผ่านมา
เมื่อถามว่าห้วงที่ผ่านมารัฐบาลประกาศเป็นผู้ก่อการร้ายแต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า มีความชัดเจนว่าเป็นผู้ก่อการร้าย มีอาวุธสงคราม สื่อมวลชนก็มีการรายงานว่ามีการวิ่งหอบปืนเอาผ้าพันแต่ไม่มิด ทั้งนี้หากเป็นผู้นำม็อบหากไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในพื้นที่ชาติหน้าก็อย่ามาเป็นผู้นำม็อบ
เมื่อถามว่าที่ประชุม ศอฉ.มีการพูดถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องมาเสียชีวิตหรือไม่ โฆษก ศอฉ.กล่าวว่า พยายามพูดถึงและได้ชี้แจงตลอดเวลา ว่าทำอย่างไรถึงเอาประชาชนส่วนนั้นออกมา เพราะบางส่วนอยากกลับแต่หลงผิด วันนี้ขอเชิญชวนประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องหลังประกาศเคอร์ฟิวส์ก็อย่าเข้าพื้นที่ อย่าเป็นไทยมุ่ง เพราะจะแยกแยะลำบาก เพราะกลุ่มก่อการร้ายไม่ทราบว่าจะยิงมาจากจุดใด
เมื่อถามว่าการเสียชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์จากเหตุการณ์ทางรัฐบาลจะมีการช่วยเหลืออย่างไร พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมจะช่วยเหลือ ส่วนที่มีการใส่ชุดทหารพรางตัวมาก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์เป็นการปัดความรับผิดชอบของกองทัพหือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่ปัด เป็นข้อมูลข่าวสารจริงที่ยืนยันหลายฝ่ายตรงกัน
เมื่อถามว่าเจ้าอาวาสวัดปทุมฯระบุใครไม่มีที่พักพิงสามารถเข้ามาอยู่ในวัดได้ เพราะเป็นพื้นที่อภัยทาน พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดี เพราะท่านบอกว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็ยเขตอภัยทาน คนที่เข้าไปในจุดนั้นต้องไม่มีอาวุธ ไม่ได้ทำร้ายคนอื่น ส่วนจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบหรือไม่ เพราะอาจเป็นพื้นที่ส่องสุ่มนั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่บอกชัดเจน เป็นเขตอภัยทาน เป็นที่ส่องสุ่มไม่ได้
เมื่อถามว่าสหประชาชาติ และสหรัฐฯได้ออกมาเตือนรัฐบาลอย่าใช้ความรุนแรง พ.อ.สรรเรสริญ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไทยไม่ใช้ความรุนแรง รมว.ต่างประเทศอธิบายแล้ว หากเป็นประเทศอื่นก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน ไม่ใช่การชุมนุมคนไทยมีความคิดแตกต่างในการชุมนุม เป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ของรัฐกับผู้ติดอาวุธ สหรัฐฯ หรือประเทศอื่นก็ต้องทำแบบเรา ยังไม่เคยเห็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายประเทศอื่นเจรจาด้วยสันติ แล้วเลิกต่อกัน แต่เป็นเรื่องการแสดงภาพของต่างประเทศที่ต้องการให้แก้ปัญหาด้วยสันติ เมื่อถามว่าหากยูเอ็นกับสหรัฐขอเข้าแทรกแซงในประเทศไทย พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นเรื่องของเราแทรกแซงไม่ได้
ต่อมาเวลา 15.35น. พ.อ.สรรเสริญได้แถลงว่า หลังจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้เข้าไปเจรจากับแกนนำนปช.เพื่อแยกเด็ก สตรี และคนชราได้ออกจากพื้นที่การชุมนุมโดยเร็ว หวังว่าจะได้รับความร่วมมือ
ศอฉ.แถลงไม่ประกาศเคอร์ฟิวสลายม็อบแดง
เมื่อเวลา 17.00 น. พล.ท. อักษรา เกิดผล ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุทธการ พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศูนย์ปฎิบัติการส่วนหน้าตำรวจแห่งชาติ น.อ.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ และ น.อ.มณฑล สัชฌุกร รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนกองทัพอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุมพิจารณาการประกาศพื้นที่เคอร์ฟิวส์เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย โดย พล.ท.อักษรา กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าส่วนยุทธการ ศอฉ. ชี้แจงถึงผลการประชุมหารือในประเด็นทีเกี่ยวกับการประกาศใช้มาตรการห้ามออกนอกเคหะสถาน หรือ เคอร์ฟิว
โดยเมื่อเวลา 14.30 น. ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างส่วนนโยบาย และส่วนปฏิบัติการในทุกระดับ เพื่อพิจารณาประโยชน์ของการใช้มาตรการดังกล่าว และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นหากมีการประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิว ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่วมกันแล้วว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่ถึงเวลาจำเป็นจะต้องใช้มาตรการดังกล่าว แม้ว่าจะเป็นผลดีต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการที่จะแยกเจ้าหน้าที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ออกจากผู้ก่อการร้าย หรือ ผู้ที่ใช้อาวุธสงคราม แต่ผลกระทบจะส่งกระทบต่อประชาชนผู้ที่บริสุทธิ์ และไม่เกี่ยวข้อง ต่อการดำเนินชีวิตปกติประจำวันของประชาชนในพื้นที่โดยรวม
พล.ท.อักษรา กล่าวอีกว่า ศอฉ.ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบโดยทั่วกันว่า ศอฉ.จะยังไม่มีการประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิว ในช่วงเวลานี้ เนื่องจากว่ายังสามารถที่จะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ยกเว้นเมื่อมีสถานการณ์ หรือมีความจำเป็นทาง ศอฉ.ก็จะได้ประเมินสถานการณ์ และเรียนให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป
อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติงานด้านยุทธการในการปิดล้อมพื้นที่ชุมนุมบริเวณพื้นที่แยกราชประสงค์นั้น ย่อมต้องมีมาตรการต่าง ๆ ที่จะเอามาใช้ในพื้นที่ อาจจะส่งผลกระทบต่อความไม่สะดวกสบายของประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง ทาง ศอฉ.ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ และขอให้พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายโดยเจ้าหน้าที่จะคำนึงถึงความปลอดภัยขอพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ ทั้งนี้ในห้วงเวลาที่ผ่านมาอาจจะมีข่าวลือมากมายที่เกี่ยวกับความไม่ราบรื่นในการปฏิบัติงานของส่วนราชการต่าง ๆ ใน ศอฉ. ยืนยันว่าข่าวลือดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่ประการใด ทุกส่วนราชการที่ปฏิบัติงานร่วมกันได้มีการประสานและทำงานร่วมกันอย่างแน่นแฟ้น
ทางด้าน น.อ.ประชาชาติ กล่าวว่า กองทัพเรือได้รับภารกิจสำคัญ 2 ประการ คือ ภารกิจหลักในการดูแลความปลอดภัยโดยรอบ รพ.ศิริราช โดยมีรัศมี 500 เมตร ถึง 1 กม. ซึ่งภารกิจที่สำคัญคือการตั้งด่านตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายและจัดชุดลาดตระเวนเพื่อป้องกันการก่อการร้าย การจัดชุดเฝ้าระวังและเฝ้าตรวจพื้นที่สูงโดยรอบ นอกจากนั้น ได้จัดหน่วยเรือทำการลาดตระเวนทางน้ำตามลำแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อเฝ้าระวังเหตุ นอกจากนี้การรับผิดชอบดูแลในพื้นที่เขตธนบุรี เขตจอมทอง เขตราษฎร์บูรณะ เขตบางกอกน้อย และ เขตบางกอกใหญ่ ซึ่งการปฏิบัติที่สำคัญได้แก่การตั้งด่านตรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย และป้องกันเหตุร้าย การจัดจักรยานยนต์เป็นสายตรวจลาดตระเวนเคลื่อนที่เพื่อเฝ้าตรวจ และระวังเหตุเพื่อป้องปรามการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ล่อแหลม ซึ่งที่ผ่านมาการปฏิบัติการด้วยความเรียบร้อย
น.อ.มณฑล กล่าวว่า กองทัพอากาศได้รับภารกิจสำคัญ 2 ประการ คือ การจัดกำลังรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาลร่วมกับกองทัพบก และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งกองทัพอากาศจัดกำลังไปตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา และภารกิจการดูแลพื้นที่บริเวณสายไหม การจัดตั้งด่านกับตำรวจตรวจสิ่งผิดกฎหมาย และจัดชุดจักรยานยนต์สายตรวจเคลื่อนที่เฝ้าระวัง และป้องปรามการสร้างสถานการณ์ และการจัดกำลังเฝ้าตรวจทางยกระดับโทลล์เวย์ รวมถึงการจัดกำลังกับ ศอฉ. ในการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ชุมนุมบริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติที่ผ่านมา ซึ่งมีความเรียบร้อย และ ได้ความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี
พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับมอบหมายจาก ศอฉ.ได้ดำเนินการใน 2 เรื่องคือการส่งกองกำลังที่เป็นหน่วยกองร้อยปฏิบัติการกับมวลชน โดยขึ้นตรงกับ ศอฉ.จำนวน 47 กองร้อย และปฏิบัติการในพื้นที่ตำรวจนครบาล และ ตำรวจภูธรภาค 1 รวมทั้งสิ้น 116 กองร้อย รวมถึงภารกิจการบังคับใช้กฎหมายในการสืบสวนติดตามคดีที่เกิดขึ้นทั้งคดีอาญาปกติ และคดีที่ขัดคำสั่งของ พรก.ฉุกเฉิน ทั้งนี้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. มีความห่วงใยผู้ชุมนุม ได้สั่งให้ รพ.ตำรวจ จัดชุดแพทย์เพื่อเข้าไปดูแล และรักษาผู้ป่วย ที่ได้รับการเจ็บป่วย ซึ่งเบื้องต้นเราได้ประสานงานไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมแล้วแต่ยังไม่ได้ตอบรับม
นปช.มีมติเจรจาแต่รัฐต้องถอนกำลัง-ยุติใส่ร้ายผู้ชุมนุม
นายณัฐวุฒิ ใสบเกื้อ แกนนำ นปช.แถลงว่า ที่ประชุมแกนนำ นปช. มีมติ พร้อมเดินหน้าเข้าสู่การเจรจากับรัฐบาล โดยมีเงื่อนไขว่า ขอให้รัฐบาลประกาศหยุดยิง และสั่งถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ที่มีการปะทะ รวมทั้งยุติการกล่าวหาว่า ผู้ชุมนุมเป็นผู้ก่อการร้าย โดยแกนนำ เห็นว่า เงื่อนไขทางการเมืองต่างๆ ขณะนี้ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องการสูญเสียชีวิตประชาชนได้ จึงจำเป็นต้องเดินหน้าสู่การเจรจาเพียงอย่างเดียว และพร้อมให้องค์การสหประชาชาติ เข้ามาเป็นคนกลางระหว่าง นปช.และรัฐบาล เท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง