พระเครื่อง

“เฮียอ๋า”-พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ แขวน...กระดูกฟันของพ่อผู้ให้กำเนิด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รางวัลนักรัฐศาสตร์ดีเด่นภาคใต้ สาขาส่วนท้องถิ่น ที่นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ หรือ “เฮียอ๋า” นายกเทศมนตรีนครยะลา ได้รับมอบจากมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา ถือเป็นการการันตีฝีมือและความสามารถของผู้บริหารระดับท้องถิ่นในดินแดนปลายด

  “เฮียอ๋า” เป็นที่รู้จักและคุ้นเคยกันไม่เพียงแค่ในหมู่พี่น้องชาวไทยพุทธ หรือชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ชายแดนภาคใต้เท่านั้น แต่ชื่อเสียงของ "เฮียอ๋า" ยังกระฉ่อนไปทั่วประเทศ จนคว้ารางวัลมาแล้วนับไม่ถ้วน ที่สำคัญคือ เขามุ่งหวังให้เกิดการขับเคลื่อนในพื้นที่ไปข้างหน้า ท่ามกลางสถานการณ์ที่คุกรุ่นไปด้วยไฟแห่งความรุนแรง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

 "เพื่อนกัน ไม่มีศาสนา" นี่เป็นแนวคิดของ “เฮียอ๋า” ในการยุติปัญหาไฟแห่งความรุนแรงใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เขาจึงเริ่มโครงการกับเด็กๆ เป็นกลุ่มแรก เพราะเป็นไม้อ่อนดัดง่ายกว่า ด้วยการเปลี่ยนหลักสูตรในโรงเรียนเทศบาลใหม่หมด แล้วแทรก "หลักสูตรก่อนการศึกษาประถมวัยในสังคมพหุวัฒนธรรม" เข้าไปให้เด็กสองศาสนาเรียนรู้หลักคำสอน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีซึ่งกันและกัน เช่น ไหว้พระ ละหมาด ไม่รับประทานหมู ไม่เลี้ยงหมา เพื่อไม่ให้เครียดจนเกินไป ก็เสริมกิจกรรมสนุกๆ ให้ "ลงแขก" ร่วมกันในแปลงปลูกข้าว

 โครงการหนึ่งที่ได้ผลมากสุดๆ คือ การใช้กีฬาฟุตบอลในการสร้างความสามัคคี โดยเริ่มจากการเสาะหาว่า ใครชอบเตะบอล และเล่นเก่ง แล้วส่งไปกรุงเทพฯ เรียนการเป็นโค้ชที่ถูกต้องจนได้รับใบอนุญาต กลับมายะลา เปิด ๔ ฐาน มีโค้ชสอนตอนเย็นหลังเลิกเรียน ให้เด็กไทยพุทธและไทยมุสลิม เล่นคละเป็นทีมเดียวกัน แล้วทั้ง ๔ ฐาน ทำแบบพรีเมียร์ลีก แข่งเหย้า-เยือน ไปหมดทั้งตลาดใหม่ตลาดเก่า ตอนนี้มีเด็กร่วมทีมแล้วกว่า ๘๐๐ คน

 นอกจากนี้ปีละครั้งเขาจะเชิญ ๒๐ ครอบครัวจากต่างศาสนามาใช้ชีวิตด้วยกัน ๓ วัน ๒ คืน ที่สวนโมกข์ เชิญ อ.วินัย สะมะอูน รองประธานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย มาสอนวัฒนธรรมมุสลิม และนิมนต์พระภิกษุที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งนั้นมาให้ความรู้เรื่องพระพุทธศาสนา ภายใต้แนวคิดที่ว่า ถ้าเข้าใจวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน จะนำไปสู่ความเคารพ และไม่ทำร้ายกัน

 “ผมยึดมั่นในการคิดดี ทำดี เพื่อประชาชน โดยไม่แบ่งแยกว่าคนนั้นจะเป็นใคร นับถือศาสนาใด เพราะทุกเสียงที่ลงคะแนนเลือกให้มาทำหน้าที่ผู้บริหารท้องถิ่น ล้วนมาจากประชาชนทุกกลุ่ม ดังนั้นหากเราตอบสนองความต้องการของมวลชน ด้วยความตั้งใจดี มวลชนส่วนใหญ่จะสนับสนุนการทำงาน และที่สำคัญ เชื่อว่าองค์ศาสดาทุกศาสนาจะรับรู้ได้ และประทานพรเพื่อคุ้มครองให้เรารอดพ้นจากภยันอันตรายได้ นอกเสียจากชีวิตถึงคราวเท่านั้น เราคงหนีกรรมลิขิตไม่พ้น” เฮียอ๋ากล่าว

 ส่วนแนวทางการบริหารท้องถิ่น “เฮียอ๋า” บอกว่า พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ "ภาวะผู้นำ" เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะหากองค์กรได้ผู้นำที่ดีก็จะยิ่งกระตุ้นให้ผู้ใต้บังคับบัญชาและประชาชนในชุมชนนั้น มีขวัญกำลังใจที่ดี ไม่ประหวั่นพรั่นพรึงต่อสถานการณ์ความไม่สงบ สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือ ใช้วิธีการดูแล และรับฟังข้อเสนอของประชาชนทุกศาสนาอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่เลือกที่จะดูแลเฉพาะพื้นที่ฐานเสียง หรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น เพราะหากวันใดชาวบ้านในพื้นที่เกิดความรู้สึกว่าไม่ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง หรือฝนตกไม่ทั่วฟ้า จะยิ่งก่อให้เกิดบรรยากาศนำไปสู่ภาวะปัญหาให้สังคมหนักขึ้น

 ขณะเดียวกัน การปกครองคนหมู่มาก เรื่องความยุติธรรมเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนภาคใต้เวลานี้ ความอยุติธรรม หรือการไม่ได้รับความเป็นธรรม คือเงื่อนปมหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งติดอยู่ในความรู้สึกชาวบ้าน ที่รอวันให้ผู้เกี่ยวข้องปลดล็อกดังกล่าว หากทำสำเร็จ เชื่อว่าความรุนแรงจะลดดีกรีลงอย่างเห็นได้ชัดแน่นอน

 อย่างไรก็ตาม แม้จะมีจิตใจแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ "เฮียอ๋า" ก็ยังต้องมีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจที่ต้องพกติดตัวตลอดเวลา ยามก้าวเท้าออกจากเคหสถาน อันประกอบด้วย พระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน ปี ๒๔๙๗ พิมพ์กลาง, พระปิดตาหลวงปู่โต๊ะ, เหรียญเสด็จพ่อ ร.๕, เหรียญสมเด็จพระนเรศวรมหาราช, เหรียญหลวงพ่อทุ่ม จ.พัทลุง, เหรียญครูบาศรีวิชัย ในฐานะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ กระดูกฟันของพ่อผู้ให้กำเนิด

 ทั้งนี้ เฮียอ๋าจะอาราธนาขึ้นคล้องคอตลอดเวลา จากประสบการณ์ที่ผ่านมา วัตถุมงคลเหล่านี้เคยช่วยให้ชีวิตแคล้วคลาดจากอันตรายชนิดเฉียดตาย จากการถูกลอบวางระเบิดมาแล้วถึง ๒ ครั้ง   โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดหลายสิบจุดทั่ว ๓ จังหวัด เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ซึ่งเป็นวันตรุษจีน โดยเขตเมืองยะลา เป็นหนึ่งในพื้นที่ก่อเหตุในครั้งนั้นด้วย

 ส่วนเหตุการณ์อีกครั้งหนึ่ง คือ คนร้ายลอบวางระเบิดในงานแข่งนกกรงหัวจุก จ.ยะลา เมื่อปี  ๒๕๕๐ จุดที่คนร้ายก่อเหตุอยู่ใกล้กับบริเวณที่ประธานทำพิธีเปิดปิดงาน ซึ่งเมื่อรถเทศบาลมาจอด ณ จุดดังกล่าว คนร้ายลงมือกดชนวนระเบิดทันที หลังจากที่เฮียอ๋าเดินผ่านรถได้เพียงไม่กี่ก้าว

 ที่สำคัญขั้นตอนการทำงานของระเบิดก็ผิดพลาด เพราะคนร้ายวางคว่ำหน้าลงบนพื้นดิน ส่งผลให้แรงอัดของวัตถุระเบิดดทำลายล้างผิวดินจนเป็นหลุมลึก ด้วยเหตุดังกล่าวสะเก็ดระเบิดจึงไม่กระจาย ทำให้รอดตายอีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ

  “ครั้งนั้นผมอยู่ในจุดที่คนร้ายลอบวางระเบิดถึงสองแห่ง ทั้งที่บริเวณปั๊มน้ำมันในตัวเมือง และห้างโคลีเซี่ยม ยะลา โดยทั้งสองแห่งผมก้าวเท้าออกไปไม่นานก็ระเบิดไล่หลังทันที ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ระทึกขวัญ แต่ก็สามารถมีชีวิตรอดปลอดภัยมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ” เฮียอ๋า เล่าถึงเหตุเฉียดตายราวกับว่าเพิ่งผ่านมาไม่กี่อึดใจ

 พร้อมกันนี้ "เฮียฮ๋า" พูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า "การมีลมหายใจอยู่ได้ในวันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากการตั้งใจดี ที่จะช่วยให้ชาวบ้านทุกศาสนาในพื้นที่มีความเป็นอยู่ที่ดี ทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก และพุทธานุภาพของเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ รวมทั้งพรอันประเสริฐจากองค์พระศาสดาทุกศาสนา ช่วยคุ้มครองให้พ้นภัย เพื่ออยู่ช่วยบรรเทาทุกข์สังคมต่อไป หากมีอะไรที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ผมจะเป็นคนสุดท้ายที่เดินออกจากเมืองนี้"

 "การมีลมหายใจอยู่ได้ในวันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากการตั้งใจดี ที่จะช่วยให้ชาวบ้านทุกศาสนาในพื้นที่มีความเป็นอยู่ที่ดี ทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก และพุทธานุภาพของเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ...ช่วยคุ้มครองให้พ้นภัย"

เรื่อง - ภาพ... "สุพิชฌาย์ รัตนะ"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ