แกะรอยจับ'แท็กซี่หื่น'ข่มขืนผู้โดยสาร

                ถึงแม้ว่า "ค้ำคูณเจริญ ค้อนจตุรัส" คนขับรถแท็กซี่ เคยต้องโทษคดีล่วงละเมิดทางเพศผู้โดยสารมาแล้วครั้งหนึ่ง และถูกศาลพิพากษาจำคุกหลายปี พ้นโทษออกมาได้เพียงแค่ 6 เดือน ก็ไม่เข็ดหลาบ มาก่อเหตุซ้ำซากอีก!!

                กลางดึกวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี ชาวพม่า ซึ่งเป็นแม่บ้านของบริษัทแห่งหนึ่งย่านหลักสี่ กรุงเทพฯ เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง พร้อมกับเพื่อนชายคนสนิท โดยร้องทุกข์ว่า ถูกคนขับรถแท็กซี่ล่วงละเมิดทางเพศ ขณะโดยสารเพื่อไปหาเพื่อนชายคนสนิท ซึ่งเป็นชาวพม่า ย่านตลาดไท จ.ปทุมธานี

                น.ส.เอ ให้ปากคำว่า เรียกรถแท็กซี่บริเวณปากซอยแจ้งวัฒนะ 10 เพื่อไปหาเพื่อนชายคนสนิท ระหว่างนั่งโดยสารบริเวณเบาะหน้าด้านซ้าย คนขับรถแท็กซี่ได้ขับวนไปวนมา แล้วไม่ใช้เส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังตลาดไท จึงตัดสินใจโทรศัพท์มือถือไปหาเพื่อนชายคนสนิทแจ้งให้ทราบ โดยสนทนาเป็นภาษาพม่า แล้วไม่สามารถบอกให้ทราบได้ว่าขณะนี้อยู่บริเวณใด เพราะเป็นซอยเปลี่ยวค่อนข้างมืด ระหว่างนั้นคนขับแท็กซี่ได้ทำร้ายร่างกาย โดยชกเข้าบริเวณท้อง ก่อนจอดรถยนต์ดึงตัวไปที่เบาะหลังรถยนต์ล่วงละเมิดทางเพศสำเร็จ

                น.ส.เอ ให้ปากคำอีกว่า หลังจากคนร้ายก่อเหตุก็ขับรถแท็กซี่ไปส่งบริเวณตลาดไท หลังลงจากรถแท็กซี่จึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เพื่อนชายคนสนิทฟัง และมาแจ้งความให้ตำรวจติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

                หลังจากพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายเสร็จ จึงรายงานเหตุให้ พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.2 และ พ.ต.อ.พงษ์ สังข์มุรินทร์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง ทราบ จากนั้น พ.ต.ท.สำอาง ขาวสอาด สว.สส. พร้อมชุดสืบสวน ออกสืบสวนติดตามผู้ก่อเหตุ

                การสืบสวนของชุดสืบสวนพบหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบริเวณตลาดไทบันทึกภาพรถแท็กซี่ของผู้ก่อเหตุ พล.ต.ต.สุธีร์ ขอความร่วมมือไปยังบริษัทแห่งหนึ่งขยายภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อดูหมายเลขทะเบียนรถแท็กซี่

                การใช้เทคโนโลยีขยายภาพจากกล้องวงจงปิด ซึ่งผู้ชำนาญการใช้เวลาหลายวัน จนกระทั่งปรากฏหมายเลขทะเบียน ทพ 4881 กรุงเทพมหานคร ซึ่งรถแท็กซี่คันดังกล่าวเป็นของสหกรณ์บวรแท็กซี่ จากนั้นชุดสืบสวนหาข้อมูลผู้เช่านำมาขับในห้วงวันเวลาเกิดเหตุ จนทราบว่า นายค้ำคูณเจริญ ค้อนจัตุรัส อายุ 40 ปี เป็นผู้ขับขี่

                การตรวจสอบประวัติอาชญากรของนายค้ำคูณเจริญ ชุดสืบสวนพบว่า เมื่อปี 2551 เคยถูกจับกุมในพื้นที่ สภ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ในข้อกล่าวหาข่มขืนกระทำชำเรา จึงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดให้แก่พนักงานสอบสวนรวบรวมเสนอศาลอาญาพิจารณาอนุมัติหมายจับนายค้ำคูณเจริญในข้อกล่าวหาข่มขืนกระทำชำเรา

                หลังจากศาลพิจารณาอนุมัติหมายจับ ชุดสืบสวนเดินทางไปที่จุดรับรถแท็กซี่ เพื่อดักรอนายค้ำคูณเจริญมารับรถแท็กซี่ ทันทีที่นายค้ำคูญเจริญเดินทางมาถึงชุดสืบสวนจึงแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน แล้วยื่นหมายจับเพื่อขอจับกุมทันที ซึ่งนายค้ำคูณเจริญให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง

                "ตกใจ ไม่คิดว่าผู้เสียหายไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดี วันเกิดเหตุมีอารมณ์ทางเพศ พอจังหวะที่ผู้เสียหายหน้าตาดี ผิวสวย อีกทั้งได้ยินการสนทนาทางโทรศัพท์มือถือจึงรู้ว่าเป็นแรงงานต่างด้าว คิดว่าหากก่อเหตุคงไม่กล้าไปแจ้งความ ก่อนหน้านี้เคยก่อเหตุทำนองเดียวกัน เพิ่งพ้นโทษออกมาเพียง 6 เดือน แล้วเพิ่งมาขับรถยนต์แท็กซี่ได้ประมาณ 1 เดือนเท่านั้น" นายค้ำคูญเจริญ อ้างคำรับสารภาพ

                ด้าน พ.ต.ท.สำอาง เปิดเผยว่า ทุกวันนี้คนขับรถแท็กซี่ มีทั้งคนดีและคนไม่ดี การป้องกันตนเองไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เป็นคนไทยหรือคนต่างด้าว หากใช้บริการควรจดจำตำหนิรูปพรรณผู้ขับขี่ ป้ายใบอนุญาตขับรถแท็กซี่ที่ติดอยู่บริเวณคอนโซลหน้ารถยนต์ด้านซ้าย รวมถึงหมายเลขทะเบียนรถแท็กซี่ที่ติดอยู่บริเวณประตูด้านใน

                "สิ่งสำคัญที่สุด หากโดยสารรถแท็กซี่เพียงลำพัง ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ไม่ควรนั่งเบาะหน้าด้านข้างผู้ขับขี่ ควรนั่งเบาะหลัง ซึ่งปลอดภัยกว่า อีกทั้งควรจดจำตำหนิรูปพรรณผู้ขับขี่ หรือชื่อนามสกุลบนป้ายแสดงผู้ขับขี่รถแท็กซี่ รวมถึงหมายเลขทะเบียนรถแท็กซี่ ซึ่งติดอยู่ที่ประตู หากเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือพบความผิดปกติ ควรโทรศัพท์มือถือให้พ่อแม่พี่น้องหรือญาติหรือเพื่อนสนิททราบ โดยบอกหมายเลขทะเบียนรถแท็กซี่ หรือถ้าจำเป็นเกิดเหตุการณ์ใดควรกดโทรศัพท์มือถือไปยังหมายเลข 191 เพราะการสนทนาทุกสายจะถูกบันทึกไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งวิธีแบบนี้เชื่อว่าผู้ขับขี่รถแท็กคงไม่กล้าจะกระทำการใดๆ" พ.ต.ท.สำอาง แนะนำ

...............

(หมายเหตุ : 'ต่างด้าว..คงไม่กล้าแจ้งความ' จับ'แท็กซี่หื่น'ข่มขืนผู้โดยสาร : ตะลุยข่าว โดยโต๊ะรายงานพิเศษ)