'ยาแก้แพ้ท้อง'ต้นเหตุทารกพิการ!

          1 ก.ย. 55  นายเฮราลด์ ชต็อค ผู้บริหาร กรือเทนทาล กรุ๊ป บริษัทยาแห่งเยอรมนี ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันศุกร์ (31 ส.ค.) ขอโทษมารดาทุกคน ที่รับประทานยา "ทาลิโดไมด์" (ยาแก้แพ้ท้อง) ที่บริษัทผลิตวางจำหน่าย ในคริสต์ทศวรรษที่ 1950 - 1960 และต่อผู้เป็นลูกที่ถือกำเนิดมาพิการแขนขาจากผลของยา

          "เราขอการให้อภัยที่เมื่อเกือบ 50 ปีที่แล้ว เราไม่ได้พยายามหาช่องทางติดต่อพวกท่านแบบมนุษย์ต่อมนุษย์ เราขอให้ท่านเข้าใจว่าการนิ่งเงียบอย่างยาวนาน เป็นความรู้สึกช็อคต่อชะตากรรมของพวกท่าน" นายชต็อค อ่านแถลงการณ์ขอโทษ ที่เมืองชโตลเทนแบร์ก เมืองที่บริษัทตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศเยอรมนี ในพิธีเปิดตัวรูปปั้นสัญลักษณ์เด็กที่เกิดมาไร้ขา เพราะยาทาลิโดไมด์ โดยใช้ชื่อรูปปั้นว่า เด็กป่วย ซึ่งเป็นชื่อกลุ่มเด็กเยอรมันที่ตกเป็นเหยื่อยาชนิดนี้ ปัจจุบัน อยู่ในวัยผู้ใหญ่แล้ว

          ทาลิโดไมด์ เป็นยากดประสาทที่ให้ผลรุนแรง เคยวางจำหน่ายในเยอรมนี ในชื่อยาคอนเทร์กัน โดยจ่ายให้แก่สตรีมีครรภ์ ใช้แก้อาการแพ้ท้อง ก่อนเลิกขายในปี 2504 พร้อมกับการทำให้เด็กกว่าหมื่นคนในหลายประเทศทั่วโลก เกิดมาพิการ เพราะแม่รับประทานยาชนิดนี้ ทั้งในประเทศยุโรป ออสเตรเลีย แคนาดา และญี่ปุ่น 

          นอกจากแขนขาสั้น หรือไม่มีเลยแล้ว ยังพบอาการตาบอด หูหนวก หัวใจมีปัญหา และสมองพิการด้วย ปัจจุบันเชื่อว่า ยังมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมานประมาณ 5-6 พันคน 

          คดีฟ้องร้องบริษัทกรือเนนทาล ในเยอรมนี สิ้นสุดเมื่อปี 2515 หรือหลังจากยุติการจำหน่ายยา 11 ปี โดยที่บริษัทแสดงความเสียใจกับเหยื่อ และตั้งกองทุน 150 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือเหยื่อชาวเยอรมัน 3,000 คน แต่ด้วยอายุขัยเฉลี่ยของเหยื่อราว 85 ปี เงินจำนวนนี้จึงไม่เพียงพอ ขณะที่เหยื่อในอีกหลายประเทศ ยังรอการชดเชยจากบริษัท หรือผู้จัดจำหน่ายในท้องถิ่น

          สมาคมเหยื่อยาคอนเทร์กัน ในเยอรมนี ระบุว่า ทางกลุ่มไม่รับคำขอโทษจากบริษัทผู้ผลิต โดยมองว่าช้าเกินไป และไม่ได้เป็นการช่วยเหลือให้เหยื่อดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ลำบาก นอกจากนี้ หลายสิบปีที่ผ่านมา บริษัทปฏิเสธยอมรับผิด โดยอ้างว่า ได้ทำการทดสอบทุกขั้นตอนที่จำเป็นแล้ว   

          แม้ขอโทษเป็นครั้งแรก แต่นายชต็อค ยังย้ำจุดยืนเดิมว่า ความทุกข์ทรมานจากยาคอนเทร์กัน เมื่อ 50 ปีก่อน เกิดขึ้นในโลกที่แตกต่างจากทุกวันนี้อย่างสิ้นเชิง และอุตสาหกรรมยา ได้เรียนรู้บทเรียนอันมีค่าจากเหตุการณ์ครั้งนั้น

          ปัจจุบัน "ทาลิโดไมด์" ยังมีขายอยู่ แต่ใช้รักษามะเร็งไขกระดูกและโรคเรื้อน นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาว่า จะใช้รักษาอาการป่วยอื่นๆ อาทิ เอดส์ ไขข้ออักเสบ และมะเร็งอื่นได้หรือไม่

 

 

----------

(หมายเหตุ : ที่มาภาพ : AP)

----------