ประติมากรรมแทนความเป็นมนุษย์

   

     “นครในจินตนาการ เชื่อมต่อมิติภพผ่านทวารา อันเปิดสู่ขอบฟ้าที่อาทรต่อความฝันและอิสรภาพแห่งความคิด” ข้อความที่สลักไว้บริเวณฐานของประติมากรรมชื่อ “วิลล์ แฟนแทสติก ทู (Ville fantastique II)”  จุดประกายให้ใครหลายคนอยากค้นหาความเป็นตัวตนและมุมมองของศิลปินผู้รังสรรค์อย่าง วาเลรี กูตาร์ (Valérie Goutard) หรือ “วาล(Val)” ประติมากรชาวฝรั่งเศสชื่อดังระดับโลกที่ถ่ายทอดความคิดผ่านผลงานศิลปะชิ้นสำคัญชิ้นนี้ ทว่าดูจะสายเกินไปเพราะก่อนที่เธอจะทำการส่งมอบประติมากรรมดังกล่าว วาลได้จากไปก่อนวัยและเวลาอันควร ทิ้งไว้เพียงประติมากรรมสื่อถึงตัวตนไว้เบื้องหลัง โดยวันก่อน เฟดเดอริก ผู้เป็นสามีได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนส่งมอบจิิตวิญญาณของวาลไว้ให้คนไทยได้จดจำ ท่ามกลางสักขีพยาน วรรณวิไล พรหมลักขโณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย จิลส์ การาชง เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย และ ดร. ชิงชัย หาญเจนลักษณ์ นายกสมาคมฝรั่งเศสกรุงเทพ ร่วมเป็นเกียรติ ที่สวนเบญจสิริ ถนนสุขุมวิท อย่างชื่นมื่น

วาล บรรจงสร้างสรรค์ผลงานอย่างตั้งใจ

    วิลล์ แฟนแทสติก ทู เป็นผลงานประติมากรรมยอดเยี่ยม และนับเป็นตัวอย่างของงานประณีตศิลป์ที่วาลได้สร้างสรรค์ขึ้น สำหรับเธอแล้ว ประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพมหานครคือบ้านของเธอ เป็นที่ซึ่งมอบทั้งความสุข ความรัก และแรงบันดาลใจ อีกทั้งยังนำพาความสำเร็จในฐานะศิลปินมาให้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงอยากมอบผลงานประติมากรรมอันน่าทึ่งชิ้นนี้ให้แก่คนกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับมิตรไมตรีและการต้อนรับอย่างอบอุ่น รวมทั้งการสนับสนุนอย่างดีเสมอมา

นาทีเผยโฉมประติมากรรมและส่งมอบ

      โดยก่อนหน้าที่วาลจะเสียชีวิตเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในเมืองไทย เธอได้ตั้งใจให้มีการตั้งวางประติมากรรมชิ้นดังกล่าวนี้อย่างถาวรในพื้นที่สำคัญ ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดในกรุงเทพมหานคร เพื่อเปิดโอกาสให้สาธารณชนได้เข้าถึงงานศิลปะได้อย่างง่ายดาย และในวันนี้ความฝันของเธอเป็นจริงแล้ว ณ สวนเบญจสิริ    

Ville fantastique II

      สำหรับหลักใหญ่ใจความที่วาลเลือกสรรประติมากรรมชิ้นนี้เพื่อมอบให้แก่กรุงเทพมหานคร นั่นเพราะส่วนตัวเธอรู้สึกว่า กรุงเทพฯ มีลักษณะคล้ายคลึงกับสิ่งที่ประติมากรรมชิ้นนี้สื่อสาร  พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือสิ่งที่เธอรังสรรค์ขึ้นได้ถ่ายทอดความรู้สึกของเธอต่อชีวิตที่วิเศษในเมืองอันศิวิไลซ์ โดยรู้สึกปลาบปลื้มที่ได้เห็นว่างานประติมากรรมของตัวเองจะสามารถนำพาความสุขมาสู่คนไทย 

จิลส์ การาชง -เฟดเดอริก

     "งานของฉันเริ่มต้นจากการสร้างสรรค์มิติที่ผันแปรพื้นที่และเวลา ฉันเป็นตัวแทนของมนุษย์ที่มีความสัมพันธ์กับพื้นที่ เมื่อฉันกล่าวถึงมนุษย์ ฉันหมายถึงคุณ หมายถึงฉัน หมายถึงคนทั้งโลก ผลงานของฉันที่เกี่ยวกับทัศนคติของมนุษย์นั้นทำให้ฉันสามารถสื่อสารถึงสรรพสิ่งที่หล่อหลอมมนุษยชาติ เพื่อพยายามที่จะเข้าใจชีวิต และก้าวตามทางของเรา เพื่อความหวัง ความรัก การสังเกต ความพิศวง การไตร่ตรอง การรอคอย การเต้น การเดิน..."ศิลปินเจ้าของผลงาน กล่าว

    ก่อนหน้านี้ ประติมากรสาวชาวเมืองน้ำหอมเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ตัวเองเป็นตัวแทนมนุษย์คนหนึ่งหรือหลายๆ คนที่มีความสัมพันธ์กับพื้นที่ที่กำหนดขึ้นจากสสารที่เป็นของแข็งและความว่างเปล่า สถาปัตยกรรมแบบเปิดที่มีหน้าต่าง บาทวิถี และลายเส้นต่างๆ ที่มีพลังงานของตัวเอง ประกอบเข้าด้วยกันตามจังหวะที่เฉพาะเจาะจง ที่ทำให้พวกเราตระหนักถึงพื้นที่และเวลาที่ไม่มีจุดสิ้นสุด

    ในมุมองวาลกรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยปัจเจกบุคคลมากมาย ทุกคนล้วนแตกต่างกัน แต่มีพลังงานที่มารวมกันในพื้นที่สาธารณะ เธอสัมผัสได้ถึงสิ่งเหล่านี้ และรับรู้ได้ว่ากรุงเทพมหานครคือแหล่งกำเนิดแห่งแรงบันดาลใจ โดยเฉพาะสำหรับตัวเองที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ ความสมดุลระหว่างมนุษย์และพื้นที่ที่อยู่โดยรอบ

      “ผลงานฉันแม้ว่าจะมีขนาดใหญ่ แต่เป็นประติมากรรมที่เรียบง่าย เมื่อออกสู่สายตาประชาชน ผลงานของฉันจะกลายเป็นจุดเริ่มของการตีความหมายในรูปแบบต่างๆ มากมายจากผู้คนที่ผ่านไปมา  งานประติมากรรมจะยังคงมีชีวิตผ่านสายตาและผ่านพลังแห่งความคิด อารมณ์ และความรู้สึกของผู้คนที่ผ่านไปมา จากผู้เสพผลงานก็จะกลายเป็นคนที่ทำให้งานประติมากรรมมีชีวิตขึ้นมา ฉันขอมอบผลงานประติมากรรมชิ้นนี้ให้กรุงเทพมหานคร และฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ทางกรุงเทพมหานครได้รับมอบผลงานชิ้นนี้ โดยติดตั้งไว้ที่สวนเบญจสิริ ฉันและคุณเฟรดเดอริกขอขอบคุณมหานครอันเป็นที่รักแห่งนี้ที่มอบทุกสิ่งให้แก่เรา ได้พักอาศัยและสร้างสรรค์ผลงานมาตลอดเวลาหลายปี พร้อมเปิดโอกาสให้เราได้มีส่วนร่วมในการสร้างมรดกทางวัฒนธรรมร่วมกันกับชาวกรุงเทพนคร” ศิลปินผู้ฝากผลงานชิ้นโบแดงไว้ให้ชาวเมืองฟ้าอมรได้เสพ ฝากทิ้งท้ายไว้ชั่วนิรันดร์