เด็กไทยร่วมจรดปลายเท้าระบำระดับโลก

   

     เรื่องราวการผจญภัยสุดคลาสสิกของสาวน้อยกับตุ๊กตากะเทาะเปลือกลูกนัตในโลกของเล่นอันโด่งดังและประทับใจจากผู้คนทั่วโลก นำมาถ่ายทอดในรูปแบบบัลเลต์เรื่อง “เดอะ นัตแรกเกอร์-อะ คริคสต์มาส แครอล”จัดแสดงโดยคณะคาร์ลสรูเออ บัลเลต์ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำบัลเลต์คลาสสิกของเยอรมนี การแสดงชุดนี้โดดเด่นด้วยลีลาพลิ้วไหวของระบำปลายเท้าโดยนักบัลเลต์หลากรุ่นกว่า 50 คน จาก 13 ประเทศ กำกับการแสดงโดย ศ.เบอร์จิต คีล อดีตนักบัลเลต์ระดับโลก พิเศษสุดกับการเปิดโอกาสให้นักบัลเลต์เยาวชนไทยได้ร่วมโชว์ลีลา ท่ามกลางผู้ชมที่เป็นน้องๆ ด้อยโอกาส เด็กพิการ รวมถึงนักศึกษาทั่วประเทศกว่า 1,700 คนในรอบการกุศลเมื่อวันก่อน

     บนเวทีการแสดง ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ถูกเนรมิตให้เป็นฉากบัลเลต์ที่บ้านเรือนปกคลุมไปด้วยหิมะดุจฤดูหนาวในยุโรปซึ่งอยู่ในห้วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสอันสนุกสนาน ศ.เบอร์จิต คีล ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ เผยถึงความน่าสนใจของการแสดงชุดนี้ว่า นัตแครกเกอร์ เป็นการผสมผสานเรื่องราวดั้งเดิมของนัตแครกเกอร์กับเรื่อง อะ คริสต์มาส แครอล ของ ชาร์ลส ดิกเคนส์ เรื่องราวมีความน่าประทับใจ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่งดงาม อีกทั้งดนตรีที่ยอดเยี่ยม ตัวละครในเรื่องก็มีความน่าสนใจเช่นกัน ซึ่งในการแสดงครั้งนี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวละครตัวร้ายที่พลิกโฉมเป็นคนดี ซึ่งนอกจากความสนุกแล้ว ยังสอดแทรกข้อคิด สอนถึงคุณธรรมผ่านเรื่องราวอีกด้วย จึงเป็นการแสดงที่เหมาะสำหรับเด็ก และทุกๆ คนในครอบครัว ใครๆ ก็สามารถดูได้ 

ศ.เบอร์จิต คีล-ศ.วลาดีมีร์ คลอส

    โดยไฮไลท์ของการแสดงนั้น ศ.วลาดีมีร์ คลอส รองผู้อำนวยการบัลเลต์ พูดได้เต็มปากว่าอยู่ที่การชวนเด็กๆ นักบัลเลต์เยาวชนไทยได้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกซ้อมกับครูนักบัลเลต์ของคณะ ทั้งยังได้ร่วมขึ้นแสดงบนเวที เป็นความตั้งใจตั้งแต่แรกในการตระเวนทำการแสดงทั่วโลก จนเหมือนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคณะที่อยากจะให้เด็กๆ ในพื้นที่แต่ละประเทศที่ทางคณะได้ไปเปิดแสดงได้มีโอกาสเข้าร่วมรับชมการแสดงและร่วมแสดงในเรื่องราวด้วย จึงเป็นเหตุผลในการส่งคนจากทางคณะบัลเลต์เพื่อมาสอนเด็กๆ และซ้อมก่อนจะมีการจัดการแสดงขึ้น

     ในฐานะนักบัลเลต์คลาสสิกชั่วโมงบินสูง ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์เดอะ นัตแครกเกอร์ มองว่านักบัลเลต์ชาวไทยมีความสามารถ ในช่วงของการซ้อมนั้นไม่ได้เข้าสังเกตการณ์เท่าไหร่นัก แต่โดยรวมแล้วเยาวชนนักบัลเลต์ของไทยสามารถทำได้ดีในระดับหนึ่งเลย เด็กๆ มีรูปร่าง ไม่ว่าจะเป็นแขน ขา สัดส่วนร่างกายที่งดงามอยู่แล้ว และมีทักษะ ความสามารถในการจับจังหวะและเต้นเข้าจังหวะได้เป็นอย่างดีทำให้การฝึกซ้อมเป็นไปอย่างราบรื่น

ฉัยยาภา ปราโมช ณ อยุธยา -สุธาสินี อารีย์วัฒนพงษ์

     แม้ว่าจะเป็นบทบาทสั้นๆ ออกมาเต้นล้อเลียนมิสเตอร์สครูจเพียง 10 กว่านาที แต่ก็สร้างความรู้สึกตื่นเต้นและภาคภูมิใจแก่นักบัลเลต์สมัครเล่นวัย 13 ปี “พิม” ฉัยยาภา ปราโมช ณ อยุธยา ตัวแทนเยาวชนไทยที่มีโอกาสร่วมทดสอบฝีมือการแสดงระดับโลก เจ้าตัวเผยว่า บทนี้ออกมาพร้อมเพื่อนๆ อีก 9 คนต้องเต้นและแสดงสีหน้าให้ได้อารมณ์ตามบทบาท ซึ่งการแสดงออกทางสีหน้านั้นถือว่ายาก จึงพยายามทำออกมาให้ดีที่สุด ส่วนตัวฝึกบัลเลต์มาตั้งแต่อายุ 5 ขวบโดยได้รับการชักชวนจากคุณย่าซึ่งเป็นเจ้าของโรงเรียน เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่มีโอกาสร่วมแสดงกับคณะบัลเลต์อาชีพ แต่ละครั้งต้องซ้อมอย่างหนักเพื่อความพร้อมเพรียง ซึ่งการได้ร่วมงานกับทีมงานระดับโลกทำให้ได้เห็นความสามารถของแต่ละคน ความมีระเบียบวินัยที่นำมาประยุกต์ใช้ได้ นอกจากนี้ยังเรียนรู้ความอดทนเพราะบัลเลต์ต้องเต้นบนปลายเท้าแทบจะตลอดเวลา  ขณะที่อีกหนึ่งสาวน้อย “พรีเมียร์” สุธาสินี อารีย์วัฒนพงษ์ วัย 10 ปี บอกว่า เรียนบัลเลต์ตั้งแต่ 4 ขวบ ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการแสดง ได้เต้นท่าไม่ยากมาก แต่ก็ซ้อมหลายครั้งกว่าจะพร้อมเพรียงกัน ชอบบัลเลต์มากในอนาคตอยากเป็นครูสอนบัลเลต์

  อ.กาญจนา ชลวิจารณ์

    อ.กาญจนา ชลวิจารณ์ ซึ่งร่วมกับท่านผู้หญิงวราพร ปราโมช ณ อยุธยา ก่อตั้งโรงเรียนนาฏศิลป์สากลวราพร-กาญจนา เล่าในฐานะที่ส่งเหล่าลูกศิษย์เข้าร่วมการแสดงครั้งนี้ว่า ทุกปีที่มีมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ คณะต่างๆ จะแสดงความประสงค์อยากให้มีเยาวชนเข้าร่วมกิจกรรมด้วย โดยจะส่งวิดีโอรูปแบบการเต้นมาให้เด็กๆ ซ้อม แต่ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ส่งครูมาฝึกซ้อมให้ด้วยอีก 6 ครั้ง ครั้งละ 3 ชั่วโมง จึงจัดเด็กๆ ไว้ 12 คนจากความต้องการ 10 คน เผื่อว่ามีใครเจ็บป่วยจะได้ทดแทนกันได้ การมีโอกาสร่วมงานกับมืออาชีพระดับโลกจะทำให้เด็กๆ ได้ประสบการณ์ที่วิเศษ ได้เห็นว่ามืออาชีพทำงานกันอย่างไร ต่างจากการดูหน้าเวทีหรือผ่านวิดีโอแน่นอน 

      “จริงๆ แล้วบัลเลต์ควรเริ่มตั้งแต่ 5 ขวบกำลังดี ในเมืองไทยมีโรงเรียนเปิดสอนเต็มไปหมด อย่างโรงเรียนของเราก็มาเป็นนักเต้นหลักของคณะการแสดงเลยก็มี เช่น ศรวณีย์ ธนะธนิต นักบัลเลต์สาวไทยก็เป็นตัวหลักทำการแสดงอยู่ที่เจนีวา หลายคนได้ทุนและได้สัญชาติที่ยุโรปเลย ถ้าเราเห็นหน่วยก้านก็พร้อมสนับสนุนเต็มที่ ซึ่งการจะเป่็นนักบัลเลต์ที่ดี ต้องมีรูปร่างดี เท้า กระดูกเชิงกราน ความยืดหยุ่น  สำคัญกว่านั้นต้องมีความรู้สึก มีจังหวะดนตรีในตัว ความรู้สึกที่จะถ่ายทอดผ่านการเคลื่อนไหวสื่อให้ถึงคนดูให้ได้ นั่นคือมีสมองทันการแสดงด้วย อย่างวันนี้ท่าที่เด็กๆ เต้น 10 กว่านาทีเป็นท่าไม่ยาก แค่เพียงการล้อเลียน สามารถทำได้สบายๆ แต่ทำอย่างไรที่จะลงเท้าให้ถูก สื่อออกมาให้คนดูคล้อยตามอันนี้สำคัญ” หนึ่งในโต้โผที่นำเยาวชนไทยเข้าร่วมบัลเลต์ระดับโลก กล่าว

      เดอะ นัตแครกเกอร์-อะ คริสต์มาส แครอล ปิดรอบแสดงไปเรียบร้อยแล้ว แต่มหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ ครั้งที่ 18 กรุงเทพฯ ยังมีการแสดงสุดอลังการอีกมากมาย ผู้สนใจสามารถรับชมได้จนถึงวันที่ 19 ตุลาคมนี้ บัตรมีจำหน่ายที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา ข้อมูลเพิ่มเติม www.bangkokfestivals.com