เปิดสึนามิ ระลอก 2 ซัด 'บิ๊กโจ๊ก' แฉพฤติกรรม 3 ป.ป.ช. ช่วยเพราะหวังผล

สึนามิ ลูกใหญ่ ที่ถาโถมซัดเข้าสู่เส้นทางชีวิตราชการของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ บิ๊กโจ๊ก ดูเหมือนว่าจะไม่จบลงง่ายๆ  หลังจากที่ บิ๊กต่าย  พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงนามคำสั่ง ให้ บิ๊กโจ๊ก และลูกน้องรวม 5 ราย ออกจากราชการไว้ก่อน หลังจากที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ 
 

ย้อนที่มาคำสั่ง 'บิ๊กต่าย' ให้  5 ตำรวจออกจากราชการ ไว้ก่อน 

หลังจากที่ มีผู้เข้าร้องทุกข์กับกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. ให้ตรวจสอบ และดำเนินคดีกับ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. 3 คน ในฐานความผิด "ร่วมกันกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่"  รวมถึงแจ้งดำเนินคดีกับ บิ๊กโจ๊ก , พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ลูกน้องคนสนิท หรือ พ่อบ้าน ของบิ๊กโจ๊ก และนายสมภพ หรือ เฮียอั๊ง เมืองชล เซียนพระชื่อดัง ในฐานความผิดเป็นผู้ใช้หรือตัวการร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ดำเนินการหรือสร้างพยานหลักฐานเท็จเกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประกอบการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ บิ๊กโจ๊ก  ต่อมา พนักงานสอบสวน บก.ปปป.รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งต่อให้กับทาง ป.ป.ช. ดำเนินการพิจารณาตามขั้นตอนกฎหมาย  

 

 

เรื่องนี้แดงขึ้นเนื่องจากนายสมภพ หรือ เฮียอั๊ง เมืองชล เซียนพระ อ้างว่าขายพระให้กับอดีตผู้ว่าราชการท่านหนึ่ง โดยการแนะนำผ่านทาง บิ๊กโจ๊ก จึงให้ค่านายหน้าเป็นเงินจำนวน 13 ล้านบาท และเงินดังกล่าว บิ๊กโจ๊ก ได้นำไปซื้อปืน กว่า 200 กระบอก

 

แต่เรื่องราวดังกล่าวกลับถูก อดีตผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ถูกกล่าวอ้าง ออกมาแสดงตัวว่าเคยซื้อขายพระกับเฮียอั๊ง เพียงครั้งเดียวในราคา1 หมื่นบาท และไม่เคยพบเจอกับ บิ๊กโจ๊ก มาก่อน 

 

ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวน คดีเว็บพนันออนไลน์  ยังได้ข้อมูลสำคัญจากคอมพิวเตอร์ ของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ซึ่งทั้งหมดเป็นพยานหลักฐานที่นำไปสู่การกล่าวหาเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และพลเรือนว่ามีส่วนในการตบแต่งบัญชีทรัพย์สินของ บิ๊กโจ๊ก หรือไม่ และอาจนำไปสู่การดำเนินคดีอาญา ในข้อกล่าวหาที่หนักขึ้นไปอีก

 

นอกจากนี้พนักงานสอบสวนคดีเว็บพนัน ยังได้ขยายผลไปยัง กลุ่มเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. 3 รายที่มีส่วนช่วยเหลือ บิ๊กโจ๊ก หลายครั้งและมีหลักฐาน ผ่านการสนทนาทางแอปพลิเคชัน ซึ่งทั้งหมดเป็นหลักฐานสำคัญที่มาของสำนวนคดี ที่ใช้ร้องทุกข์กล่าวโทษ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ทั้ง 3 ราย ที่มีพฤติกรรมกระทำความผิดเสียเอง 

 

เปิดพฤติกรรม 1 ใน 3 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. สั่งการช่วย 'บิ๊กโจ๊ก'

โดย หนึ่งในจนท. ป.ป.ช. ที่ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษคือ นายสมบัติ ซี่งเป็นผู้สั่งการให้ พ.ต.ท.คริษฐ์ ไปค้นหาข้อมูล ของอดีตผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อแต่งเรื่องการซื้อขายพระ และยังเป็นผู้จัดฉากถ่ายภาพเฮียอั๊ง กับกองเงินจำนวนมหาศาล 

 

และจากข้อมูลยังพบว่า พ.ต.ท.คริษฐ์ ได้เบิกเงิน จำนวน 4 หมื่นบาท เพื่อซื้อโทรศัพท์มือถือ ให้กับนายทัดเทพ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ในการติดต่อประสานงาน โดยในแนวทางสืบสวน คาดว่านายทัดเทพ ก็คือ อวตารของนายสมบัตินั่นเอง 

ช่วยเหลือ 'บิ๊กโจ๊ก' หวังผลหลายด้าน 

นอกจากนี้ยังพบว่า นายสมบัติ และพวกร่วมรับผลประโยชน์จาก พ.ต.ท.คริษฐ์ หลายวาระ โดยขยายผลจากการที่ พ.ต.ท.คริษฐ์ ใช้บัญชีม้าจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน จาก กทม.-สงขลา รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆในช่วงวันที่ 11-13 มีนาคม 2565 ให้นายสมบัติและพวก เช่น นายจัตุรงค์ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.และแฟนสาว , นายวิสูตร  เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และแฟนสาว ซึ่งจัดทำบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ บิ๊กโจ๊ก และครอบครัวที่ต้องยื่นให้ป.ป.ช.พิจารณา

 

นายสมบัติ ยังฝาก พ.ต.ท.คริษฐ์ ให้ช่วยประสานคดีของคนรู้จักและหลานของตน  การตรวจประวัติบุคคลคดียาเสพติด รวมถึงฝากพิจารณาการเลื่อนตำแหน่งและแต่งตั้งให้ตำรวจบางนายที่นายสมบัติรู้จัก

 

พนักงานสอบสวน ยังพบแชตไลน์ การหารือของ พ.ต.ท.คริษฐ์ กับ น.ส.อารยา  เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. กรณีที่บิ๊กโจ๊ก ต้องยื่นเอกสารต่อ ป.ป.ช. โดยพบว่า พ.ต.ท.คริษฐ์ เคยแชทไลน์กับ น.ส.อารยา ว่าการยื่นเอกสารของบิ๊กโจ๊ก ควรรอให้นายสมบัติ ผ่านการสรรหา จาก สว.ให้เป็นกรรมการ ป.ป.ช.ก่อนหรือไม่"  ซึ่งพนักงานสอบสวนเชื่อว่า น.ส.อารยา กระทำตามการสั่งการของนายสมบัติ   

 

ส่งบัตรสนเท่ห์ โจมตีกรรมการ ป.ป.ช.บางคน 

พนักงานสอบสวนยังพบว่า พ.ต.ท.คริษฐ์ เขียนบัตรสนเท่ห์ในคอมพิวเตอร์ของตัวเอง ส่งให้นายจัตุรงค์ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. นำไปแจกจ่ายในสำนักงาน เพื่อโจมตีกรรมการ ป.ป.ช.บางคน ที่เป็นเสียงข้างน้อยในการลงมติวาระที่เกี่ยวกับบิ๊กโจ๊กเป็นเวลาต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2564-2566 เพราะกรรมการ ป.ป.ช.คนดังกล่าวมีความเห็น ให้ส่งสำนวนการฟอกเงินของ บิ๊กโจ๊ก ในคดีเว็บพนันมินนี่ให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายเพราะเป็นคดีฟอกเงิน  

 

ทำให้พนักงานสอบสวนเชื่อว่า  บัตรสนเท่ห์ดังกล่าวหวังผลหลายด้านในสำนักงาน ป.ป.ช. เช่น ข่มขู่กรรมการ ป.ป.ช.และบุคลากรอื่น ไม่ให้ดำเนินการตรงกันข้ามกับที่ต้องการ  อีกทั้งทราบว่ากรรมการป.ป.ช.หลายคนมีความใกล้ชิดกับ บิ๊กโจ๊ก อีกด้วย  

 

ส่วนประเด็นร่ำรวยผิดปกติเกี่ยวกับการซื้อขายทองคำมูลค่ากว่า 200 ล้าน  ที่มาที่ไปของการซื้อขายเป็นอย่างไร คาดว่าอีกไม่นานข้อมูลชุุดนี้ จะถูกนำเสนอออกมา

 

จับตาส่งสำนวนเว็บพนัน บิ๊กโจ๊ก ควบคดี บิ๊กตำรวจ

หลังนี้จะมีการส่งสำนวนคดีการสอบสวน เว็บพนันที่โยงไปถึงบิ๊กโจ๊ก ให้ ป.ป.ช.พิจารณา รวมถึงแนวโน้มคดีของ พลตำรวจเอกอีกรายที่ถูกกล่าวหาแต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาก็อาจไปถึง ป.ป.ช.เช่นเดียวกัน 

 

ความคาดหวังของพนักงานสอบสวน อยู่ที่การอนุมัติหมายจับ บิ๊กโจ๊ก ของศาลอาญา เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ในข้อกล่าวหา กระทำความผิดสมคบกันฟอกเงิน  โดยศาลให้ความเห็นว่าเป็นคดีที่มีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่า เป็นความผิด และผู้ต้องหามีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงหมายเรียกของพนักงานสอบสวน รวมถึงคดีนี้ เป็นอำนาจของศาลอาญา 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ตามกระบวนการยุติธรรมก็ต้องเกี่ยวกับแผนกคดีที่กี่ยวกับการฟอกเงิน ไม่ใช่การทุจริตต่ออำนาจหน้าที่ ดังนั้น พนักงานสอบสวนในคดีเว็บพนัน จึงมองว่าหลังจาก ป.ป.ช.ได้รับ การพิจารณาสำนวนที่ส่งไปในระยะเวลา 30 วันแล้ว จะมีเหตุผลพอสมควรในการส่งสำนวนกลับมาให้ตำรวจมาทำคดีต่อไป
 

 

 

ขอบคุณข้อมูล 'เนชั่นทันข่าวค่ำ'