ข่าว

ม้วนเดียวจบ ขมวดปม 'ฆ่าเศรษฐินีสวนทุเรียน' ล็อกเป้า 2 'ผู้ต้องสงสัย'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ม้วนเดียวจบ ขมวดปมคดี 'ฆ่าเศรษฐินีสวนทุเรียน' ทิ้งสระน้ำ ล็อกเป้า 2 'ผู้ต้องสงสัย' จับตา คนในครอบครัว หรือ 'รปภ.ธนาคาร'

ฆาตกรรมสยองขวัญ ศพหญิงเปลือย ถูกมัดมือไพล่หลัง ใช้กางเกงคลุมศีรษะและใช้กล่องพลาสติกสีขาวครอบทับอีกชั้น ถูกทิ้งลอยอืดอยู่สระน้ำ กว้างประมาณ 3 เมตร ภายในสวนทุเรียน ริมถนนไร่อ้อย – เขายายพริ้ง หมู่ 4 ต.กองดิน อ.แกลง จ.ระยอง โดยมีผู้มาพบศพเมื่อช่วงเช้า วันที่ 7 มี.ค.2567

 

จากสภาพศพ เจ้าหน้าที่คาดว่าเธอเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3-4 วัน

 

หลังพบศพ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากน้ำประแสร์ จ.ระยอง ชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดระยอง ร่วมด้วย ชุดสืบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 เข้าคลี่คลายคดีทันที

 

หญิงเคราะห์ร้ายคนนี้ เธอเป็นใคร มาจากไหน หนึ่งในตำหนิรูปพรรณ ที่สามารถใช้ยืนยันตัวบุคคลได้ชัดเจนและในระยะเวลาอันสั้น คือ ไฝเม็ดใหญ่หรือปานที่แก้มขวา ของร่างไร้วิญญาณ ผมยาว รูปร่างขาวท้วม สูงประมาณ 150 เซนติเมตร

ขณะที่ การแกะรอยเริ่มต้นจากหลักฐานที่พบจากศพ และ ในที่เกิดเหตุ ที่ฆาตกรทิ้งร่องรอยเอาไว้

  • เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ร่วมกับ แพทย์ รพ.แกลง เข้าชันสูตรพลิกศพ และได้ส่งศพไป รพ.ตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด เบื้องต้นพวกเขาคาดว่า เธออาจเสียชีวิตมาก่อน ถูกนำศพมาทิ้งสระน้ำในสวนทุเรียน เพื่ออำพรางคดี ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดระยอง  ได้ตรวจเก็บลายพิมพ์นิ้วมือบางส่วนที่ยังหลงเหลือ ส่งกรมการปกครอง พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล
  • เชือกลักษณะคล้ายเชือกรัดเอวกางเกง หรือเชือกรองเท้า ที่คนร้ายใช้มัดมือไพล่หลัง กับกางเกงที่ใช้คลุมศีรษะ ถูกส่งตรวจหาลายนิ้วมือแฝง และ DNA  พร้อมๆกัน
  • รวมทั้งมีการตรวจสอบข้อมูลคนหายในพื้นที่ใกล้เคียง ห้วง 3-4 วัน ใกล้เคียงกับช่วงเวลาในการเสียชีวิต
  • การไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด รอบที่เกิดเหตุ เพื่อหาเบาะแสรถที่คนร้ายใช้ขนศพมาทิ้ง

 

ไม่นานนัก เย็นวันเดียวกัน จากการตรวจสอบตำหนิรูปพรรณ และลายนิ้วมือของผู้เสียชีวิต เบื้องต้น ทำให้ทราบว่า ผู้เสียชีวิต คือ ป้าอี๊ด หรือ นางฉวีวรรณ อายุ 69 ปี ชาวบ้านใน ต.กองดิน อ.แกลง จ.ระยอง เป็น เศรษฐินี เจ้าของสวนทุเรียน ในจ.ระยอง

 

ปมขัดแย้งในครอบครัว ปมฆ่าชิงทรัพย์ ปมคนใกล้ตัว ถูกตั้งขึ้น และค่อยๆคลี่คลายทีละเปลาะ

ชุดสืบสวน สภ.ปากน้ำประแสร์ เดินทางไปยังบ้านพักของ ป้าอี๊ด ทันที โดยพบว่าจุดพบศพ อยู่ห่างจากบ้านพักของเธอ 15 กิโลเมตร

 

เจ้าหน้าที่เข้าสอบปากคำคนในครอบครัว และคนใกล้ชิดของ ป้าอี๊ด ทันที

 

นายอลงกต อายุ 36 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิต ให้การว่า ไม่ทราบว่าแม่หายตัวไป เพราะอยู่บ้านคนละหลัง พบเห็นแม่ครั้งสุดท้าย เมื่อช่วงเย็นวันที่ื 5 มี.ค.2567

 

โดยนายอลงกต ยอมรับว่า ที่ผ่านมา เคยมีปัญหากันในครอบครัวจึงแยกกันอยู่

 

อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่พบว่านายอลงกต เสพยาเสพติดด้วย จึงคุมตัวมาดำเนินคดีฐาน เสพยา

 

ขณะที่ ลูกสาวผู้เสียชีวิต ให้การว่า ปกติพักอยู่ในตัวเมืองระยอง พอรู้ว่าติดต่อแม่ไม่ได้ จึงกลับมาที่บ้าน ไม่คาดคิดว่าแม่จะมาเสียชีวิต ยังดูข่าวอยู่เลย ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และ ใครเป็นคนฆ่าแม่ ปกติแม่จะอาศัยอยู่คนเดียวตามลำพัง มีรายได้จากสวนทุเรียน

 

“แม่มีคนที่รู้จักกัน คือ ตาวิว ที่ช่วยกรีดยาง และ ตารงค์ อายุ 74 ปี คนดูแลสวนทุเรียน ทำงานอยู่กับผู้แม่มาหลายปีแล้ว”ลูกสาวระบุ

 

นอกจากนี้ มีพยานใกล้ชิด ให้เบาะแสว่า ผู้เสียชีวิตเคยมาปรับทุกข์ ว่า ลูกชายคนหนึ่งติดยาเสพติด รวมทั้งมักจะมีปัญหากับลูกจ้างที่มาทำงานที่ สวนทุเรียน จนต้องไปแจ้งความที่โรงพัก มีเรื่องราวกัน เคยบ่นถึงขั้นอยากขายบ้านทิ้ง แต่ก็ยังเป็นห่วงลูกๆว่าจะไม่มีที่อยู่

 

ขณะที่ ตาวิว คนงานกรีดยาง ให้การว่า พบ ป้าอี๊ด เมื่อวันที่ 4 มี.ค.2567 โดยเป็นคน ขี่รถจยย.พาไปซื้ออุปกรณ์การเกษตรที่ตลาด แล้วก็พามาส่งที่บ้าน ต่อมายังพบ ป้าอี๊ด นั่งอยู่หน้าบ้าน แต่ไม่ได้คุยกัน จนกระทั่งมาทราบข่าวว่าเสียชีวิตแล้ว ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตาย และ ก็ไม่มีเหตุที่จะต้องฆ่า

 

“ป้าอี๊ด เคยเข้าแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบลูกชายเรื่องติดยาบ้า รวมถึงยังพูดเกี่ยวกับมรดกที่ดิน ที่จะแบ่งให้กับลูก 5 คน โดยส่วนตัวสงสัยคนใกล้ตัว” ตาวิว ระบุ

 

อย่างไรก็ดี นางยาหยี อายุ 38 ปี ภรรยานายอลงกต ยืนยันว่า อยู่กับนายอลงกตตลอดเวลา และไม่ใช่คนฆ่าแม่อย่างแน่นอน

 

รวมถึง นายวุฒิ พี่ชายของนายอลงกต โวยสื่อบางสำนักที่ไปเชื่อคนเมา และนำเสนอข่าวว่า นายอลงกต ซึ่งเป็นหนึ่งในลูกชาย ป้าอี๊ด ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ด้วย

 

ขณะที่หลักฐาน หลายชิ้น เริ่มทำให้การตีวงผู้ต้องสงสัย แคบลงมา

 

วันที่ 8 มี.ค.2567 ชุดสืบสวน ได้ไฟล์ภาพจากกล้องวงจรปิด พบรถกระบะต้องสงสัย ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับมาจอด ชะลอความเร็วอยู่หน้าบ้าน ลดกระจกลง ปรากฏภาพคนขับเป็นชายผมสั้น หัวเถิก ยกมือขึ้นบังแดด และมองไปที่กล้องวงจรปิด ก่อนขับรถออกไป

 

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่พบกางเกงที่ตากอยู่ในบ้าน ป้าอี๊ด เป็นลักษณะเดียวกับตัวที่เจอในกล่องที่อยู่กับศพ เจ้าหน้าที่จึงส่งตรวจพิสูจน์

 

อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมา มีข้อมูลที่เป็นเบาะแสสำคัญ และเป็นเบาะแสชิ้นใหม่ จาก ตารงค์ คนดูแลสวนทุเรียน ให้กับ ป้าอี๊ด ว่า เป็นคนดูแลสวนทุเรียน จะมารดน้ำให้ ทุกๆ 2 วัน

 

มีอยู่คนหนึ่งที่ ป้าอี๊ด ไว้เนื้อเชื่อใจ เป็น รปภ. โดยป้าอี๊ด เรียกว่า ยามแดง ทำงานอยู่ที่ธนาคารแห่งหนึ่ง ในต.นายายอาม จ.จันทบุรี โดยป้าอี๊ด ไว้ใจให้เบิกถอนเงินให้ด้วย เนื่องจากเจ้าตัวเบิกถอนเงินไม่เป็น” คนดูแลสวนทุเรียน เผยถึงเบาะแสสำคัญ

 

สอดคล้องกับ พยานปากสำคัญคนหนึ่ง ระบุว่า ป้าอี๊ด มักจะเดินทางไปทำธุรกรรมที่ธนาคาร แห่งหนึ่งใน อ.นายายอาม จ.จันทบุรี บ่อยครั้ง และ ได้รับการดูแลอำนวยความสะดวก จาก รปภ.ของธนาคาร จนเกิดความสนิทสนม และ เคยไปรับประทานอาหารด้วยกัน

 

โดยล่าสุดชุดสืบสวนมีข้อมูลว่า ก่อนกลายเป็นศพ ป้าอี๊ด ถอนเงินสดออกมาหลักหลายหมื่นบาท

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว รปภ.ธนาคาร คนนี้มาสอบสวนแล้ว

 

ขมวดปมการสังหารโหด ป้าอี๊ด เศรษฐินีสวนทุเรียน เข้มข้นขึ้นทุกขณะ!

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ