ข่าว

'ตม.' ไม่หวั่น 'ไล่เช็กบิล' กะเทยฟิลิปปินส์ แม้หนีกลับประเทศแล้ว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'ตม.'ไล่เก็บข้อมูล โรงแรม ที่พัก กะเทยฟิลิปปินส์ 'สุขุมวิท11' หากพบความผิด 'ออกหมายแดง' 'ไล่เช็กบิล' แม้หนีกลับประเทศแล้ว

วันที่ 5 มี.ค.2567 เวลา 14.30 น. ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) เข้าตรวจสอบโรงแรมที่เกิดเหตุ เพื่อสอบถามข้อมูลเรื่องการแจ้งที่พักนักท่องเที่ยวของโรงแรมดังกล่าวให้กับตำรวจ ตม. ว่าเป็นไปตามขั้นตอนถูกต้องตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง หรือไม่ รวมถึงตรวจสอบบุคคลที่เข้าพักว่า อยู่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือ โอเวอร์สเตย์หรือไม่  โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล โดยหลังจากตรวจสอบข้อมูลแล้วเสร็จ ทางตำรวจ ตม.จะส่งมอบข้อมูลให้ สน.ลุมพินี พิจารณาดำเนินการต่อไป

 

ทั้งนี้มีรายงานว่า จากข้อมูลการสืบสวนของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พบว่ามีชาวฟิลิปปินส์พักอาศัยอยู่ที่โรงแรมดังกล่าวประมาณ 10 คน และยังมีที่พักอาศัยกระจายอยู่บริเวณโดยรอบอีกจำนวนหลายคน ซึ่งตำรวจ ตม. ก็จะทยอยลงพื้นที่ตรวจสอบทั้งหมด

ด้าน พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบตัวบุคคลผู้ก่อเหตุว่าเป็นใครบ้าง โดยเป็นอำนาจของ สน.ลุมพินี ในการพิสูจน์ทราบบุคคลจากกล้องวงจรปิดและภาพวิดีโอทั้งหมด จึงจะสามารถตรวจสอบการเข้าออกประเทศได้ว่าบุคคลดังกล่าวหลบหนีออกจากประเทศไทยไปแล้วหรือไม่ โดยยืนยันว่าตำรวจ ตม. ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดไว้แล้ว และหากผู้ก่อเหตุออกนอกประเทศไปแล้วก็มีขั้นตอนการดำเนินการ เช่น การออกหมายแดง หรือ หมายน้ำเงินต่อไป

 

ทั้งนี้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เข้ามาในไทยแบบวีซ่านักท่องเที่ยว แต่บางส่วนก็อาจลักลอบทำงานหลังเข้ามาแล้ว ซึ่งทาง ตม. ต้องไล่ตรวจสอบและจับกุมเป็นรายกรณีเมื่อพบ แต่ในส่วนที่สื่อมวลชนรายงานว่ามีสถานที่ที่ LGBTQ+ เข้าไปทำงาน หรือนัดพบเพื่อค้าประเวณีนั้น ยืนยันว่าไม่มีสถานที่ลักษณะดังกล่าวแน่นอน สื่อมวลชนสามารถไปตรวจสอบได้เลย

ทั้งนี้ที่พักทุกแห่งจะต้องแจ้งการเข้าพักทุก 24 ชั่วโมงเพื่อให้ทราบว่า หลังจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าประเทศมา ไปพักที่ใด หากผู้ประกอบการรายใดไม่ให้ความร่วมมือ จะมีความผิด โดยหากเป็นโรงแรมมีโทษปรับ 8,000-10,000 บาทต่อผู้เข้าพัก 1 คน แต่หากเป็นที่พักทั่วไปจะมีโทษปรับ 1,600-2,000 บาทต่อผู้เข้าพัก 1 คน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ