หนุ่มร้อง 'สายไหมต้องรอด' ถูกลูกน้องกำนันยิงผิดตัว กระสุนฝังคากระโหลก

29 ธ.ค. 2566   นายเอ (นามสมมติ) อายุ 27 ปี ผู้เสียหาย เดินทางมาร้องเรียนกับ เพจสายไหมต้องรอด นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ  ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีถูกคู่กรณี ซึ่งเป็นลูกน้องของกำนันคนหนึ่งในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ยิงผิดตัวเมื่อช่วงกลางเดือน พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา จนกระสุนฝังอยู่ในกระโหลกศีรษะ ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนาน 7 วัน ในส่วนของการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุไม่มีความคืบหน้า และผู้ก่อเหตุไม่รับผิดชอบเยียวยาใดๆ จึงต้องเดินทางมาขอความช่วยเหลือจากทางเพจสายไหมต้องรอด 

โดยนายเอ เปิดว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกลางเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ใน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ตนถูกคู่กรณียิงเข้าที่หัว ทั้งนี้ ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของผู้ก่อเหตุ แต่วันเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนของตนนัดเคลียร์ใจกับคู่กรณี ตนขับรถผ่านเห็นเป็นเพื่อนจึงแวะเข้าไปดู เป็นจังหวะเดียวกับกลุ่มคู่กรณีชักปืนขึ้นมายิงทำให้ตนถูกลูกหลง กระสุนปืนฝังเข้าไปในหัว เลือดออกปากและจมูก เพื่อนจึงช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาล

นอนรักษาตัวอยู่ไอซียู 2 วัน และรักษาตัวในห้องผู้ป่วยปกติอีก 5 วัน หลังก่อเหตุ 2 วัน ผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.บางปะกง และมีลูกน้องกำนันไปประกันตัวออกมา ซึ่งระหว่างที่ตนรักษาตัวอยู่ ฝ่ายคู่กรณีไม่เคยไปเยี่ยมและไม่เคยติดต่อเจรจาเรื่องเงินเยียวยาเลย

เมื่อออกจากโรงพยาบาลก็เจอกลุ่มคู่กรณีอีกครั้ง แต่กลุ่มคู่กรณียังใช้ชีวิตตามปกติ ไม่รู้สึกผิด ไม่ขอโทษ และกร่างใส่ทุกครั้งที่เจอ ตนกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมและกลัวถูกข่มขู่ และถึงแม้พนักงานสอบสวนจะส่งสำนวนไปที่ชั้นศาลแล้วแต่ก็กังวลเรื่องความปลอดภัยเพราะคู่กรณีข่มขู่ว่าให้สู้คดีกับผีดีกว่าสู้คดีกับคน จึงต้องร้องขอความช่วยเหลือจาก นายเอกภพ โดยเบื้องต้นผู้ก่อเหตุถูกแจ้งข้อหาพยายามฆ่า และ การครอบครองอาวุธปืน

สำหรับกระสุนที่ยังฝังอยู่ในหัว หมอแนะนำให้ผ่าตัดแต่ตนไม่มีเงิน จึงตัดสินใจไม่ผ่า และจากกระสุนที่ฝังในหัวทำให้มีอาการชาครึ่งซีกบริเวณศีรษะและมักปวดหัวบ่อยๆ หมอบอกว่าหากปล่อยไปอาจมีโอกาสชัก 30% ส่วนในระยะยาวหมอตอบไม่ได้ว่าจะมีอาการตอนไหนบ้าง ซึ่งตนกังวลเรื่องกระสุนปืนที่ฝังอยู่ในหัว 

ด้าน นายเอกภพ เปิดเผยว่าบอกว่าหลังจากนี้จะพาผู้เสียหายไปขอรับเงินเยียวยาและขอคุ้มครองพยานเพราะคู่กรณีเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ขณะเดียวกันจะให้ตำรวจในพื้นที่ตรวจสอบรายชื่อผู้มีอิทธิพลด้วย

ด้านนายบี (นามสมมติ) เพื่อนของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนและกลุ่มผู้ก่อเหตุ มีปัญหากันอยู่ และไม่ถูกกันอยู่แล้วเรื่องบิดรถใส่กันไปมา 2-3 ปี วันก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้ก่อเหตุมาบิดรถใส่ ตนเลยบิดกลับคืน พอตนกำลังจะกลับบ้านกลุ่มผู้ก่อเหตุชูนิ้วกลางให้ วันต่อมาตนจึงนัดกลุ่มผู้ก่อเหตุมาเคลียร์ใจกันตัวต่อตัว ซึ่งกลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามให้กลุ่มผู้เสียหายไปหาที่หน้าบ้าน แต่ตนไม่ได้เดินไป พอหันหลังกลับมา กลุ่มผู้ก่อเหตุก็ยิงปืนตามมาแต่ถูกเพื่อนตนที่ไม่รู้เรื่อง 

วันที่นัดกันไม่ได้พกอาวุธอะไรไปไปเพียงแค่ตัวกับกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว เจตนาคือแค่อยากไปเคลียร์ให้เรื่องมันจบ ที่ผ่านมากลุ่มผู้ก่อเหตุก็ยังทำตัวกร่างใส่ แต่ตนไม่สนใจ เพราะตำรวจบอกให้เงียบไว้ถ้าทำอะไรไปจะทำให้รูปคดีเสีย ที่มาร้องเพราะคดีไม่คืบหน้า ตำรวจบอกเพียงให้รออย่างเดียว และผู้เสียหายไม่มาเยียวยาใดๆ ระหว่างนี้ตนก็กังวลเพราะต้องผ่านบ้านผู้ก่อเหตุทุกวัน และตนเชื่อว่าผู้ก่อเหตุมีเจตนาที่จะก่อเหตุยิงแน่นอน เพราะปกติคนปกติที่ไหนจะพกปืนซ้ำยังเป็นปืนไทยประดิษฐ์ผิดกฎหมายอีก