รวบหัวโจก 'HELLS ANGELS' ใช้ พลาสปอร์ตปลอม เช่าเครื่องบินส่วนตัวหนีกบดานไทย

6 ธ.ค. 2566 พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รอง ผบช.สตม.)  แถลงการจับกุม นายเอเลียส (นามสมมติ) อายุ 31 ปี สัญชาติออสเตรเลีย แกนนำ แก๊ง HELLS ANGELS  ผู้ต้องหา คดีสำคัญที่หลบหนีการจับกุมมากบดานอยู่ในประเทศไทย โดยใช้หนังสือเดินทางของบุคคลอื่น เช่าเครื่องบินส่วนบุคคล เดินทางเข้ามาประเทศไทย โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตรวจสอบฐานข้อมูลลายพิมพ์นิ้วมือของบุคคล พบว่าลายพิมพ์นิ้วมือ ตรงกับบุคคลที่ชื่อ นายเอเลียส และจากการตรวจสอบรูปภาพในระบบสารสนเทศ ตม. พบว่าบุคคลที่ใช้หนังสือเดินทางของบุคคลอื่น คือ นายเอเลียส  โดยได้เดินทางเข้าประเทศไทย ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวที่สามารถอยู่ในประเทศไทยได้ไม่เกิน 30 วัน

 

 

 

 

 

ทั้งนี้ นายเอเลียส เป็นผู้ต้องหารายสำคัญของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นแกนนำของแก๊ง HELLS ANGELS ที่เป็นเครือข่ายจำหน่ายยาเสพติด ลักลอบนำเข้ายาเสพติดและอาวุธปืน โดยมีหมายจับที่เป็นการกระทำความผิดจำนวน 38 กระทง เป็นความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน  36 กระทง ความผิดเกี่ยวกับการนำเข้ายาเสพติด (เมทแอมเฟตามีน) 1 กระทง และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ 1 กระทง และยังมีประวัติอาชญากรรมเกี่ยวกับการทำร้ายเจ้าหน้าที่และการปล้นทรัพย์อีกด้วย

 

จากการสืบสวนจนทราบว่า นายเอเลียส ได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ที่คอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ จึงได้นำกำลังและเข้าทำการตรวจสอบพบ นายเอเลียส และจากการตรวจสอบห้องพัก พบหนังสือเดินทางประเทศออสเตรเลียของ นายเอเลียส และพบหนังสือเดินทางประเทศของประเทศอิตาลี อีก 1 เล่ม

 

 

 

 

จากการสอบถาม นายเอเลียส ยอมรับว่าได้หลบหนีออกมาจากประเทศออสเตรเลียจริง โดยได้ใช้หนังสือเดินทางของผู้อื่น  เข้ามาที่ประเทศไทยและเคยยื่นขอต่อการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทย หลังจากนั้นทราบว่าทางตำรวจออสเตรเลีย ได้ทำการประสานกับทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของไทย จึงได้หลบหนีมาโดยตลอด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อหาและสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ นำตัวส่ง พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

 

 

นอกจากนี้ ชุดสืบสวน ตม. จับกุม นายมาซาโอะ (นามสมมติ) อายุ36 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ในความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และจับกุม นายซูซูกิ (นามสมมติ) อายุ 24 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ในความผิดฐาน เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ดำเนินคดีตามกฏหมาย

 

สืบเนื่องจาก บก.ตม.1 สืบสวนกรณีบุคคลต่างด้าวที่มีพฤติกรรมเป็นภัยสังคม มีประวัติการก่ออาชญากรรม หรือมีส่วนพัวพันกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ต่อมาได้ข้อมูลจากสายลับว่ามีชาวญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่ง มีพฤติกรรมที่น่าเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรืออาชญากรรมประเภทอื่นๆ โดยมักจะเช่าบ้านอยู่รวมกันหลายๆ คน และเปลี่ยนที่พักไปเรื่อยๆ ใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะที่จดทะเบียนในชื่อของบุคคลอื่น จึงได้ให้สายลับหาข้อมูล จนพบว่ากลุ่มดังกล่าวนี้ไปพักอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านหรูย่านพัฒนาการ โดยมีสมาชิก 4-5 คนผลัดเปลี่ยนกันเข้าๆออกในบ้าน

 

เจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนจนทราบชื่อสมาชิกรายหนึ่งของกลุ่ม คือ นายมาซาโอะ เนื่องจากชุดสืบสวนได้ทราบข้อมูลจากสายลับว่า เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมานายมาซาโอะได้ยึดโทรศัพท์ของแม่บ้านรายหนึ่งไว้ เนื่องจากไปพบคลิปวิดิโอและภาพถ่ายที่เป็นหลักฐานการกระทำความผิดของตนในบ้านหลังดังกล่าวหลายภาพ 

 

ผู้เสียหายจึงได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายมาซาโอะ ในความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ขออนุมัติหมายจับนายมาซาโอะ 

 

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ตม.1 ได้ข้อมูลว่ามีบุคคลต่างด้าว สัญชาติญี่ปุ่น มีตำหนิรูปพรรณตรงตามหมายจับ  จึงนำกำลังไป แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เข้าจับกุม 

 

จาการตรวจสอบเอกสารหนังสือเดินทางพบว่า นายมาซาโอะ เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2566  ด้วยวีซ่าประเภท ผ.30 อนุญาตถึง 21 ธ.ค. 2566 การอนุญาตยังไม่สิ้นสุด และยืนยันว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิ์ของผู้ถูกจับให้ทราบ

 

นอกจากนี้ยังพบนาย ซูซูกิ (นามสมมติ) สัญชาติญี่ปุ่น อายุ 24 ปี เดินทางเข้าไทยเมื่อวันนี้ 6 ต.ค. 2566  ด้วยวีซ่าประเภท ผ.30 ครบกำหนดอนุญาต 4 พ.ย. 2566 การอนุญาตสิ้นสุดแล้ว 24 วัน จึงได้จับกุม โดยกล่าวหา เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 
 

 

 

 

 

และจากข้อมูลเชิงลึกว่า นายมาซาโอะ มีประวัติเกี่ยวพันคดีอาญาถึง 18 คดี เช่น คดียาเสพติด คดีทำร้ายร่างกาย และคดีอุกฉกรรจ์อื่นๆ โดยเป็นอดีตสมาชิกแก๊งองค์กรอาชญากรรมที่มีความเชื่อมโยงกับอดีตแก๊งยากูซ่า ส่วนนายซูซูกิผู้ถูกจับรายที่ 2 นั้นก็มีประวัติเกี่ยวพันคดีปล้นทรัพย์ โดยใช้กำลังประทุษร้ายที่ญี่ปุ่น จำนวนถึง 3 คดี