ข่าว

ทลาย 'แก๊งคอลเซ็นเตอร์' ปลอมเว็บ ตุ๋นโอนเงิน พบเงินหมุนเวียน กว่า 7 พันล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ปอท." ทลาย "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" ทุนจีน รวบผู้ต้องหา บัญชีม้า-คนดูแลเว็บ 5 ราย ปลอมเว็บ แจ้งความออนไลน์ ของ "ตำรวจสอบสวนกลาง" หลอกเหยื่อโอนเงิน พบเว็บปลอมกว่า 133 เว็บ บางเว็บเกี่ยวข้องกับ "สารวัตรซัว" มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 7,000 ล้านบาท

17 พ.ย. 2566  พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) , พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ, พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.2 บก.ปอท., พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ และ พ.ต.ท.ธนะ ว่องทรง รอง ผกก.2 บก.ปอท. แถลงผลการเปิดปฏิบัติการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมเว็บตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) และ เว็บไซต์อื่น ตรวจค้น 9 เป้าหมาย ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี, สมุทรสาคร, เชียงราย, สุราษฎร์ธานี และสระแก้ว สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 5 ราย พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินรวมมูลค่า กว่า 83 ล้านบาท


สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณเดือน มิ.ย. 2566  กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ตรวจสอบพบเว็บไซต์แจ้งความออนไลน์ปลอม โดยมีการเลียนแบบเว็บไซต์ของ บช.ก. แอบอ้างชื่อและใช้ตราสัญญาลักษณ์ของ บช.ก.  รวมทั้งหน่วยงานภายใต้สังกัด บช.ก. และพบว่า กลุ่มมิจฉาชีพได้ใช้วิธียิงแอดโฆษณาผ่านเว็บไซต์สืบค้นข้อมูล (Google Ads) ซึ่งเมื่อมีประชาชนค้นหาคำว่า “แจ้งความออนไลน์” เว็บไซต์ปลอมที่คนร้ายสร้างขึ้นจะแสดงขึ้นมาเป็นลำดับแรกๆ  เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ ทำการเพิ่มเพื่อนผ่านแอพพลิเคชันไลน์ที่มีการระบุไว้ในภายเว็บไซต์ เพื่อให้ปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องที่จะแจ้งความ กลุ่มคนร้ายจะสวมรอยเป็นแอดมิน พูดคุยสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ก่อนจะทำทีให้ผู้เสียหายติดต่อพูดคุยกับบุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นทนายความผ่านไลน์ โดยจะให้คำปรึกษาพร้อมทั้งให้ผู้เสียหายส่งหลักฐานเรื่องที่ต้องการแจ้งความไปให้

 

 

บช.ก.ทลายแก๊งปลอมเว็บ พบเงินหมุนเวียนกว่า 7 พันล้าน

บช.ก.ทลายแก๊งปลอมเว็บ แจ้งความออนไลน์ หลอกเหยื่อโอนเงิน พบเงินหมุนเวียนกว่า 7 พันล้าน

 

 

จากนั้นคนร้ายที่อ้างเป็นทนายความจะส่งเรื่องต่อไปยังฝ่าย IT โดย IT จะอ้างต่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ และแจ้งกับผู้เสียหายว่าเงินที่ถูกโกงหรือถูกหลอกไป ถูกนำไปฟอกในเว็บพนันนออนไลน์ต่างประเทศ กลุ่มคนร้ายยังมีการทำแผนผังเส้นทางการเงินส่งให้ผู้เสียหาย พร้อมแจ้งว่า สามารถนำเงินดังกล่าวมาคืนได้ โดยใช้วิธีการแฮกเว็บการพนันดังกล่าว เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ คนร้ายจะให้ผู้เสียหายทำการสมัครสมาชิกและโอนเงินไปที่เว็บพนันดังกล่าว จากนั้นคนร้ายจะให้ผู้เสียหายเล่นการพนันตามที่คนร้ายบอก อ้างว่าเพื่อจะได้ทำการแฮกระบบ เอาเงินคืนให้แก่ผู้เสียหาย

 

 

บช.ก.ทลายแก๊งปลอมเว็บ หลอกเหยื่อโอนเงิน พบเงินหมุนเวียนกว่า 7 พันล้าน

 

 

หลังจากคนร้ายอ้างว่าได้ทำการแฮกระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะปรากฎยอดเงินในบัญชีเว็บไซต์การพนันของผู้เสียหายเพิ่มขึ้น คนร้ายจะแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าไปเพิ่ม เพื่อที่จะได้แฮกเงินคืนให้ได้มากกว่าเดิม แต่เมื่อผู้เสียหายจะถอนเงินออกมา ก็ไม่สามารถถอนได้ จากนั้นคนร้ายจะบล็อกช่องทางการติดต่อของผู้เสียหายทันที ทั้งนี้พบว่าภายในระยะเวลา 15 วัน มีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้กลุ่มคนร้ายมากกว่า 1,000 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 8 ล้านบาท
 

 

บช.ก.ทลายแก๊งปลอมเว็บ หลอกเหยื่อโอนเงิน พบเงินหมุนเวียนกว่า 7 พันล้าน

 

 

นอกจากนี้ ยังพบว่า เว็บไซต์ปลอมดังกล่าวมีการใช้ IP-Address ที่เป็นของผู้ให้บริการของประเทศกัมพูชา และมีการเช่าบริการเซิร์ฟเวอร์ (Server)ในประเทศไทย  ทาง บก.ปอท. จึงได้ทำการตรวจค้นบริษัทที่ให้บริการเช่า เซิร์ฟเวอร์ (Server) ดังกล่าวพบฐานข้อมูลเว็บไซต์ที่ใช้และเคยใช้ในการฉ้อโกงออนไลน์ ในลักษณะชักชวนให้ลงทุนและซื้อสินค้าจำนวนมาก รวมทั้งเว็บไซต์ที่ทำปลอม บช.ก. อีก 3 เว็บไซต์ 

 

 

บช.ก.ทลายแก๊งปลอมเว็บ หลอกเหยื่อโอนเงิน พบเงินหมุนเวียนกว่า 7 พันล้าน

 

 

โดยผู้ดูแลระบบใช้ IP-Address ที่เป็นของผู้ให้บริการของประเทศกัมพูชา เข้ามาแก้ไขข้อมูลต่างๆ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบมีการปลอมเว็บไซต์ทั้งหน่วยงานรัฐ, หน่วยงานเอกชน, องค์กรต่างๆ ที่ไม่มีอยู่จริง รวมถึงเว็บไซต์หลอกลงทุนต่างๆ รวมกว่า 133 เว็บไซต์ เช่น บช.ก., DSI, ตำรวจไซเบอร์ (บช.สอท.) ปัจจุบันพบเปิดใช้งานอยู่จำนวน 98 เว็บไซต์  เป็นเว็บพนันออนไลน์ 16 เว็บไซต์, หลอกสั่งซื้อสินค้า 9 เว็บไซต์, เว็บเงินกู้ 6 เว็บไซต์, เว็บลงทุนคริปโต 6 เว็บไซต์, เว็บสายการบินปลอม 3 เว็บไซต์, ติดตั้งแอปหลอกลวง 3 เว็บไซต์, เว็บหลอกสมัครงาน 1 เว็บไซต์  ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการปิดไปแล้วจำนวน 10 เว็บไซต์
 

 

บช.ก.ทลายแก๊งปลอมเว็บ หลอกเหยื่อโอนเงิน พบเงินหมุนเวียนกว่า 7 พันล้าน

 

 

ในส่วนของเส้นทางการเงิน กลุ่มคนร้าย จะใช้ บัญชีม้าในการรับโอนเงินจากผู้เสียหาย แล้วถ่ายเทเงินไปยังบัญชีม้าแถวต่างๆ จากนั้นจะนำเงินที่ได้ไปซื้อเหรียญสกุลเงินดิจิทัล ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ  แล้วถ่ายเทไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลต่างๆ เพื่อเลี่ยงการถูกจับกุม ก่อนจะทำการส่งต่อไปยังกระเป๋าที่เป็นของกลุ่มคนร้ายที่เป็นระดับสั่งการหรือนายทุนต่อไป

 

โดยตั้งแต่เดือน มิ.ย.2566 จนถึงปัจจุบัน บัญชีม้าและกระเป๋าเงินดิจิทัลต่างๆ ในกลุ่มของคนร้ายมียอดเงินหมุนเวียนมากกว่า 7,000 ล้านบาท

 

 

บช.ก.ทลายแก๊งปลอมเว็บ หลอกเหยื่อโอนเงิน พบเงินหมุนเวียนกว่า 7 พันล้าน

 

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับคนร้ายในขบวนการ แบ่งเป็น กลุ่มพนักงาน, กลุ่มโปรแกรมเมอร์, กลุ่มฟอกเงิน และกลุ่มระดับสั่งการหรือนายทุน จำนวน 12 ราย ประกอบด้วยคนไทย 8 ราย, คนกัมพูชา 1 ราย และคนจีน 3 ราย หนึ่งในนั้นคือ นาย หง เว่ย เหลียง (สัญชาติจีน) ผู้ต้องหารายสำคัญ ที่เชื่อได้ว่าอยู่ในระดับนายทุนและเป็นเจ้าของเว็บไซต์ปลอมดังกล่าว

 

หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าในช่วงระยะเวลา 4 เดือน ที่ผ่านมา นายหง เว่ย เหลียง รับโอนเงินเข้ามายังบัญชีตัวเอง คิดเป็นเงินไทยประมาณ 175 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการออกหมายเรียกผู้ต้องหากลุ่มบัญชีม้าอีก 5 รายมารับทราบข้อกล่าวหา

 

 

บช.ก.ทลายแก๊งปลอมเว็บ หลอกเหยื่อโอนเงิน พบเงินหมุนเวียนกว่า 7 พันล้าน

 

 

ต่อมาวันที่ 14-15 พ.ย.2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. พร้อมด้วย กก.สสน.บก.ปอท., บก.ป., บก.ปอศ., บก.ปคบ. จึงเปิดปฏิบัติการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมเว็บตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) ร่วมกันตรวจค้น 9 เป้าหมาย ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี, สมุทรสาคร, เชียงราย, สุราษฎร์ธานี และสระแก้ว จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 5 ราย

 

ในจำนวนนี้ มี 4 รายที่ทำหน้าที่ในการฟอกเงิน ได้แก่ นายฉาง (สัญชาติจีน) และ น.ส.ฤดี ซึ่งเป็นคู่รักกัน, นายเอกณัฏฐ์ ที่ทำการฟอกเงินผ่านบัญชีคริปโตฯ ของนายเอกชัย และอีก 1 ราย คือ นายวันดี (สัญชาติกัมพูชา) ทำหน้าที่เป็น ผู้ทำปลอม เลียนแบบ เว็บไซต์ของ บช.ก. พร้อมทั้งดูแลระบบ และยิงแอดโฆษณา

 

ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีการทำปลอมและเลียนแบบเว็บไซต์หน่วยงานราชการอีกกว่า 10 แห่ง ซึ่งในการเข้าตรวจค้นจับกุมครั้งนี้ ได้ตรวจยึดของกลางและทรัพย์สิน อาทิเช่น คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ, เงินสด, รถยนต์หรู, กระเป๋าแบรนด์เนม, และเครื่องประดับต่างๆ รวมมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท

 

นอกจากนี้  เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบว่า นายเอกณัฏฐ์ หนึ่งในผู้ต้องหา อยู่ในขบวนการฟอกเงินอีกด้วย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้เพื่อดำเนินคดีกับ นายเอกณัฏฐ์ฯ เพิ่มเติม พร้อมทั้งขยายผลตรวจยึดทรัพย์สินของนายเอกณัฏฐ์ฯ อาทิเช่น คอมพิวเตอร์, เงินสด, โฉนดที่ดิน, Hardware Wallet, รถยนต์และรถจักรยานยนต์หรู และกระเป๋าแบรนด์เนม มูลค่ามากกว่า 30 ล้านบาทเพิ่มเติมอีกด้วย

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย พร้อมของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ขณะที่ผู้ต้องหารายอื่นๆ รวมถึง นายหง เว่ย เหลียง นายทุนและเจ้าของเว็บไซต์ปลอม ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีอยู่ต่างประเทศ  เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด

 

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพ ขณะที่บางรายให้การภาคเสธ โดยนายเอกณัฏฐ์ ให้การยอมรับว่า ตนได้ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลของนายเอกชัย ในการรับโอนเหรียญคริปโตจริง แต่อ้างว่าเป็นเหรียญที่ลูกค้าโอนมาจ่ายในการเล่นพนันออนไลน์

 

ส่วน นายฉาง (สัญชาติจีน) ยอมรับว่า ตนได้ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลของ น.ส.ฤดี แฟนสาว ในการรับเหรียญคริปโตฯจริง แต่เป็นการซื้อเหรียญจากคนจีนที่อยู่ในประเทศกัมพูชา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาแต่อย่างใด
 

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่ายดังกล่าว พบพบว่ามีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับเว็บพนันเว็บไซต์หนึ่งซึ่งอยู่ในกลุ่มเครือข่ายของสารวัตรซัว ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลตรวจสอบอย่างละเอียด

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ