'รังสิมันต์ โรม' จี้ อสส. ส่งฟ้อง 'สว.อุปกิต' ก่อนเปิดประชุมสภา

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือถึงสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อติดตามคดีฟ้องนายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในข้อหาสมคบค้ายาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติและฟอกเงิน โดย ประยุทธ์ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และ นาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้รับหนังสือ 

นายรังสิมันต์ โรม เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ตนเองได้ฟังการสัมภาษณ์ของอัยการท่านหนึ่งในรายการโทรทัศน์ ที่มีการระบุว่า จะมีการนำตัว สว.อุปกิจไปส่งฟ้องต่อศาลในวันที่ 26 ธันวาคม ซึ่งตนเองกังวลว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากตรงกับการเปิดสมัยประชุมสภา ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม ถึง 7 เมษายน ในช่วงดังกล่าว สว.หรือ สส.จะสามารถใช้เอกสิทธิในการขอเลื่อนในการนำตัวส่งฟ้องออกไป 

ซึ่งหากมีการเลื่อนออกไป จะกลายเป็นต้องส่งฟ้องหลังเมษายน ทำให้คดีล่าช้า วันนี้ตนจึงทำหนังสือมาถามต่ออธิบดีอัยการสำนีกงานคดียาเสพติดว่า มีความจำเป็นใดที่จะต้องนำตัวสว.อุปกิจไปส่งฟัองในวันดังกล่าว เหตุใดจึงไม่ส่งฟ้องก่อนที่จะมีการประชุมสมัยสภา เพื่อจะได้ไม่มีการอ้างเอกสิทธิและการคุ้มกันจนนำไปสู่การวิจารณ์ของสังคม เพราะมองว่าคดีดังกล่าวควรจะเร่งรัดให้เสร็จสิ้นก่อนจะเปิดประชุมสภา อีกทั้ง สว. ก็ต้องจำวันเปิดประชุมสภาฯ ได้ ซึ่งตั้งใจเลือกวันนี้หรือไม่ก็ ต้องไปถามท่าน เพราะไม่อยากเดาแทน ไม่ขอแสดงความคิดเห็น

"ผมเองอยากเห็นกฎหมายเป็นกฎหมาย ในฐานะนักการเมือง ก็ถูกดำเนินคดีในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ ก็จะเป็นช่วงเร่งรัดดำเนินคดี ซึ่งคำว่าเร่งรัด ไม่ได้มีความหมายแย่ แต่เพราะช่วงประชุมสภา ดำเนินการไม่ได้" นายรังสิมันต์ กล่าว

ด้านนายประยุทธ์ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า เนื่องจากคดีนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร สำนักงานอัยการสูงสุด มอบหมายให้ สำนักงานคดียาเสพติด เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งกระบวนการสั่งสำนวนคดีนี้เสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์แล้ว รอเพียงการส่งตัวผู้ต้องหามาฟ้อง และหากอยู่ในสมัยประชุมสภาฯ สส. และ สว. ย่อมได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองตามกระบวนการของกฎหมาย 

 

ทั้งนี้ ทาง สว. อุปกิต ได้ส่งหนังสือขอเลื่อนการส่งฟ้อง บอกว่าเป็นการขอเลื่อนครั้งสุดท้าย โดยจะขอมาพบให้ฟ้องในวันที่ 26 ธ.ค. นี้ ซึ่งทางสำนักงานอัยการสูงสุดไม่ได้รับทราบถึงการปิด-เปิดสมัยประชุมสภาฯ เพราะอยู่นอกสำนวน ดังนั้นเมื่อรับทราบข้อเท็จจริงจากทาง นายรังสิมันต์แล้ว ขอยืนยันว่า ทางเราไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยหลังจากนี้ ทางนายพงศ์ปกรณ์ รุจิระชุณห์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด จะเรียกประชุมคณะทำงานโดยเร่งด่วน ซึ่งถือเป็นดุลยพินิจของคณะทำงาน สำนักโฆษกไม่สามารถก้าวล่วงได้ว่าการนัดส่งฟ้องตัวผู้ต้องหาจะเป็นวันไหน ซึ่งจะเรียนแจ้งให้ ทราบต่อไป

 

"เรายอมรับว่า การทำงานของสำนักงานอัยการสูงสุดในเรื่องนี้ มีความล่าช้าบางส่วน เพราะเรามีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม และเมื่อมีข้อหาครบถ้วนสมบูรณ์พร้อมที่จะยื่นฟ้อง แต่ทางสว.ได้มาขอเลื่อนนัด เราอยากขอให้สังคมมั่นใจว่าการทำงานของสำนักงานอัยการฯ เรายึดพยาน ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเป็นหลัก" นายประยุทธ์ กล่าว 

 

ด้านนายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากสำนักงานอัยการสูงสุดจะมีความเห็นในการส่งฟ้องแล้ว ยังมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ประกอบกับพฤติการณ์กระทำผิดเป็นฐานความผิดร้ายแรง มีลักษณะเป็นองค์กรข้ามชาติ กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และกระทำผิดฐานฟอกเงิน ยืนยันว่าเราไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาตามหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในสำนวน และได้ทำไปมากกว่าสำนวนที่ถูกส่งมาครั้งแรก เราให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายในคดีนี้

 

ภายหลังได้รับการชี้แจงนายรังสิมันต์ พึงพอใจ ซึ่งมีโอกาสได้ใช้งานกระบวนการยุติธรรมบ่อย ก็รู้ว่าอาจไม่ได้รู้วันเปิด-ปิดสมัยประชุม และคงต้องแจ้งให้ชัดเจนกว่านี้ พร้อมฝากว่าคดีนี้ ประชาชนติดตามเยอะและไม่ได้มีผู้ต้องหาแค่คนเดียว แต่มีการขยายผลไปมาก ถ้าพบว่า สว. มีความผิดจริงเรื่องฟอกเงิน ก็จะได้รับโทษคูณสอง ส่วนหากความผิดเรื่องยาเสพติด จะมีโทษคูณสาม รวมถึงเรื่องนี้ยังกระทบกระเทือนต่อกระบวนการยุติธรรมมาก พร้อมคาดหวังว่าองค์กรอัยการ จะสามารถสร้างความเป็นธรรม ตนอยากเห็นกระบวนการยุติธรรมเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น และเชื่อว่านี่คือสิ่งที่ทุกคนอยากเห็นเช่นกัน

 

"หากมีการนัดนำตัวส่งฟ้อง หลังปิดสมัยประชุม ผมก็เป็นกังวลว่าผู้ต้องหา อาจะไม่อยู่ในราชอาณาจักรก็ได้ การประกันตัวจะเป็นไปได้ยาก และมีอัตราโทษก็สูงมาก แต่ทั้งหมดนี้เป็นข้อสังเกตส่วนตัวเท่านั้น" นายรังสิมันต์ กล่าว