ข่าว

'รมว.ยุติธรรม' ควง 'บิ๊กต่อ' แถลงจับยาลอตใหญ่ ยันไม่ได้จัดฉากจับยา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'รมว.ยุติธรรม' ควง 'บิ๊กต่อ' แถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ มูลค่ากว่า 300 ล้าน ผลงานแรกหลัง ก.ตร. มีมติเลือกเป็น ผบ.ตร. คนที่ 14 ยันไม่ใช่การจัดฉากเข้าจับกุม

 

28 ก.ย. 2566 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมแถลงข่าว ตำรวจกองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 บุกค้นแหล่งพักยาเสพติด ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครปฐม เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา

 

สามารถตรวจยึดของกลาง ยาบ้า 15 ล้านเม็ด, เฮโรอีน 443 แท่ง, ไอซ์ 420 กิโลกรัม และยาเสพติดชนิดอื่นๆ อีกจำนวนมาก หากนำไปจำหน่ายจะมีมูลค่าสูงถึง 300 ล้านบาท พร้อมจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ซึ่งมีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติด ประกอบไปด้วย นายชลิต อายุ 39 ปี ,นายอภิชาต อายุ 38 ปี ,นายจรัญ อายุ 38 ปี และนายวัชระ อายุ 36 ปี

 

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ ถือเป็นผลงานครั้งสำคัญ เพราะจุดดังกล่าวถือเป็นแหล่งพักยาใหญ่ที่สุดในช่วงนี้ และอยู่ใจกลางประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ชุมชน ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับ ก็พบประวัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจำนวนมาก วันนี้จึงอยากมาให้กำลังใจชุดจับกุม 

 

จับยาเสพติดลอตใหญ่

 

 

รวมถึงชื่นชม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่มีความเป็นห่วงเยาวชน ที่เป็นผู้เสพยาเสพติดส่วนใหญ่ โดยการจับกุมครั้งนี้ ถือเป็นการสกัดยาเสพติดล็อตใหญ่ ไม่ให้ออกไปแพร่ระบาด

 

 

 

ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ตำรวจ 191 ได้สืบทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 คน มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติด โดยใช้รถยนต์ตระเวนส่งยาเสพติดให้กับลูกค้าบริเวณถนนบรมราชชนนี และพื้นที่พุทธมณฑลสาย 5 จึงเฝ้าสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้เช่าบ้านไว้เป็นที่เก็บซุกซ่อนยาเสพติด ในพื้นที่ต.ลำพญา อ.เมือง จ.นครปฐม กระทั่งเมื่อคืนนี้ ตำรวจได้พบผู้ต้องหาทั้ง 4 คน กำลังนำยาเสพติดไปส่งให้กับลูกค้า จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้น และจับกุม

 

 

 

สำหรับเครือข่ายนี้ ตำรวจ 191 ได้ติดตามจับกุมต่อเนื่องมา 4 คดีเป็นระยะเวลานานกว่า 2 ปีแล้ว โดยจุดที่เข้าไปตรวจค้น และจับกุมผู้ต้องหาเมื่อคืนนี้ เป็นจุดพักยาที่กลุ่มผู้ต้องหาได้มีการขนย้ายยาเสพติดจากเซฟเฮาส์หลายแห่งมารวมกัน เพื่อหลบหนีการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ได้มีการจับกุมผู้เสพได้ 1 ราย ในพื้นที่จ.นครปฐม

 

 

 

เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาทราบ จึงเกิดความกลัว ขนย้ายยาเสพติดมารวมกันที่่ดังกล่าว ทำให้สามารถตรวจยึดของกลางได้ปริมาณมาก และยังพบเฮโรอีน ซึ่งเป็นยาเสพติดที่ไม่พบเจอได้บ่อยในประเทศไทย เนื่องจากมีต้นทุนสูง นอกจากนี้ ยังมียาเสพติดชนิดที่ผ่านการดัดแปลงมาแล้ว เพื่อใช้สำหรับเสพในสถานบันเทิงด้วย เช่น แฮปปี้วอเตอร์ และไฟว์ไฟว์

 

 

 

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 4 รายได้ให้การรับสารภาพ และให้การเป็นประโยชน์ โดยให้ข้อมูลว่า ได้ว่าจ้างในการขนยาบ้าคนละ 4.5 แสน โดย 4 คนรวมกันได้ค่าจ้าง 1.8 ล้านบาท ยังไม่รวมค่าจ้างขนเฮโรอีน ส่วนแฮปปี้วอเตอร์ ได้ค่าจ้างเป็นส่วนแบ่ง 10% จากยอดขาย

 

 

 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เร่งสั่งการให้ขยายผลไปยังปลายทางต่อไป เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่า มีการจำหน่ายยาเสพติดภายในประเทศให้กับกลุ่มผู้เสพ รวมไปถึงสถานบันเทิงในพื้นที่ด้วย ส่วนต้นทางของยาเสพติด พบว่ามาจากประเทศเพื่อนบ้านทางภาคเหนือ โดยเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ

 

 

 

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า เหตุใดการจับกุมยาเสพติดลอตใหญ่ครั้งนี้ จึงเกิดขึ้นหลังจากมีมติให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็นว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 14 ทันที พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ตอบว่า การจับกุมในครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการจัดฉาก แต่อาชญากรรมสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ซึ่งเมื่อเกิดขึ้น ตำรวจก็มีหน้าที่ตัดโอกาสในการกระทำความผิดทันที คนร้ายไม่ได้มาบอกว่าจะขนยาวันไหน

 

จับยาเสพติดลอตใหญ่

 

 

ซึ่งเมื่อคืนนี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้โทรศัพท์มาแจ้งตนว่า มีเหตุเกิดขึ้น ตนก็ได้โทรศัพท์ไปแจ้งกับ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่รับผิดชอบงานเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ พล.ต.อ.ชินภัทร ติดภารกิจ จึงมอบหมายให้ตนไปแทน

 

 

 

เมื่อถามว่า การจับกุมครั้งนี้ เกิดขึ้นในพื้นที่จ.นครปฐม ทำให้ถูกเชื่อมโยงไปถึงกรณี กำนันนก ว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่นั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ระบุว่า ขอให้อย่าไปโยงถึงกัน ใครทำคดีไหนก็ชัดเจน ต้องไปถามที่คนนั้น พร้อมย้ำว่าตนเอง ดูในเรื่องของงานป้องกันปราบปราม ซึ่งเรื่องยาเสพติดก็ถือเป็นส่วนหนึ่งอยู่แล้ว โดยที่ผ่านมาตนเองได้ทำเรื่องชุมชนยั่งยืนมานานแล้ว คือเข้าไปแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน ไม่ได้เพิ่งมาทำตอนที่มีผลการคัดเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

 

จับยาเสพติดลอตใหญ่

 

 

 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ในการที่จะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเน้นนโยบายหลักเรื่องยาเสพติดใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ตอบว่า เรื่องยาเสพติด เป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลได้กำชับอยู่แล้ว นอกจากนี้ ก็จะมีเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ คอลเซ็นเตอร์ รวมไปถึงเรื่องการท่องเที่ยว

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ผู้สื่อข่าวเริ่มสอบถามเกี่ยวกับนโยบายในการดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และการได้รับคัดเลือก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ตอบทันทีว่า เรื่องตำแหน่ง ขอยังไม่ตอบ โดยยังไม่อยากพูด จนกว่าจะมีการโปรดเกล้าฯ พร้อมย้ำว่า ตอนนี้ตนยังเป็นแค่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

 

 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามจะสอบถามประเด็นอื่นๆ ต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก็บอกว่า ตนมีภารกิจต่อ และขอตัวเดินทางกลับทันที

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ