ข่าว

'พล.ต.ท.ไตรรงค์' เตรียมเรียก 'เฮียแต๋ม' เจ้าของบ้าน 'บิ๊กโจ๊ก' สอบปากคำ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'พล.ต.ท.ไตรรงค์' เพิ่งรู้บ้าน 'บิ๊กโจ๊ก' เช่า 50,000 บาท เตรียมเรียก 'เฮียแต๋ม' สอบปากคำ ชี้แจงสาเหตุเข้าค้น ยืนยันไม่รู้ผตห.คือ นายเวร รองผบ.ตร. ขอความเป็นธรรมให้ชุดทำงาน

หลัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางไปยังศาลอาญา เอาผิดตำรวจชุดตรวจค้นบ้านพักย่านวิภาวดี 60 ว่า เป็นการค้นโดยมิชอบ

 

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน การตรวจค้นบ้าน รองผบ.ตร. เป็นไปตามหลักกฎหมาย ตั้งแต่การขอหมายค้นและหมายจับจากศาล มีการระบุตัวตนและอาชีพของบุคคลตามหมายจับ ไม่ได้ปิดบังต่อศาลว่าเป็นตำรวจ และกฎหมายก็ไม่ได้กำหนดไว้ว่า จะต้องระบุยศ สามารถใช้คำนำหน้านายได้ และมีหลายครั้งที่การออกหมายจับตำรวจบางคดี ต้องให้เกียรติกัน จึงปกปิดยศทางราชการ

ยืนยันว่ามีเหตุให้เข้าค้นบ้านพักดังกล่าว เพราะ พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร ผู้ต้องหาตามออกหมายจับ เป็นคนที่เข้าออกภายในบ้านทั้ง 5 หลังมีชื่อลงทะเบียนรับพัสดุเป็นประจำมีการชำระค่าสาธารณูปโภคซึ่งเป็นเงินจากบัญชีม้า โดยไม่ทราบว่า เป็นนายตำรวจติดตามของรอง ผบ.ตร. และไม่ทราบมาก่อน รองผบ.ตร. พักอาศัยอยู่ที่บ้านเข้าตรวจค้น เพราะหมู่บ้านดังกล่าวมีการรักษาความปลอดภัยแบบระบบปิด ตำรวจชุดจับกุมไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านนี้ และไม่ได้ใกล้ชิด จึงไม่ทราบ

 

ส่วนการใช้กำลังตำรวจพร้อมอาวุธครบมือเข้าปฏิบัติงาน เป็นผลจากการประเมินความเสี่ยง ผู้ต้องหาบางคนมีประวัติคดีอาชญากรรมและคดียาเสพติด และผู้ต้องหาส่วนหนึ่งเป็นตำรวจ จึงเชื่อว่ามีอาวุธไว้ป้องกันตัว จึงต้องเตรียมพร้อมในการปฏิบัติการ ไม่ได้มีนัยยะอื่นแอบแฝง

ส่วนกรณี "เฮียแต๋ม" นักธุรกิจขนส่งรายใหญ่ในจังหวัดอุดรธานีและภรรยา ที่มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านที่เข้าตรวจค้นทั้ง 5 หลัง และเป็นผู้จ่ายค่าส่วนกลางปีที่ผ่านมา เป็นเงิน 142,000 บาท และเป็นผู้ขอใช้ไฟฟ้าให้กับบ้านทั้ง 5 หลัง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุ เพิ่งทราบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่าเป็นบ้านเช่าบ้าน เดือนละ 50,000 บาท เพราะตอนแรกอ้างว่าเป็นญาติกัน ไม่ได้มีการเช่า หลังจากนี้ก็จะต้องตรวจสอบว่าเฮียแต๋มมีความสัมพันธ์เครือญาติด้านไหน หากมีการเช่าจริง ต้องมีสัญญาตามกฎหมาย โดยจะต้องเรียกเฮียแต๋มมาให้ปากคำเร็วๆ นี้

 

ส่วนเส้นทางการเงินจะเชื่อมโยงไปถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หรือไม่นั้น ยังไม่ขอเปิดเผย เพราะอยู่ในสำนวน แต่ยืนยันว่า การที่ผู้ใต้บังคับบัญชากระทำผิด ไม่ได้เป็นเหตุให้ต้องออกหมายเรียกผู้บังคับบัญชาของบุคคลนั้นมาสอบปากคำ แต่จะต้องมีพยานหลักฐานส่วนอื่นประกอบด้วย

 

นอกจากนี้แนวทางการสืบสวน ผู้ต้องหา 4 กลุ่มที่จับกุมได้นั้น ยอมรับว่า กลุ่มผู้บริหารจัดการเว็บไซต์ ประกอบด้วยตำรวจ 1 คน และพลเรือน 2 คน ส่วนกลุ่มฟอกเงินและบัญชีม้า มีผู้ต้องหาอีก 1 คน ที่เป็นพลทหารประจำการ หลังจากนี้จะขยายผล เตรียมพิจารณาดำเนินคดีและออกหมายเรียกมาให้ข้อมูลจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มผู้รับผลประโยชน์และกลุ่มที่มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับบัญชีม้า 2 บัญชี เงินหมุนเวียน 260 ล้านบาท และตามข่าวที่ออกมาว่าในกลุ่มองค์กรสื่อมวลชนและบุคคลร่วมอยู่ในกลุ่มรับผลประโยชน์ด้วย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยจำนวน ดังนั้นจึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังบุคคลที่รู้ตัวว่ามีธุรกรรมการเงินเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าเหล่านี้ ให้มาแสดงตัวเข้าให้ปากคำกับตำรวจ

 

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยืนยันว่า คดีนี้ไม่ได้ทำตามกระแส หรือเป็นผลจากการเมือง แต่สืบสวนมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน พบพยานหลักฐานสำคัญ จนสามารถขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 23 ราย จึงต้องรีบดำเนินการ มิฉะนั้นหากปล่อยไว้ ผู้ต้องหาอาจเคลื่อนย้ายทรัพย์สินหรือหลักฐานสำคัญจนเสียรูปคดี โดยเฉพาะกลุ่มบัญชีม้าและกลุ่มผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งความผิดที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินที่ตามกฎหมายต้องยึดอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ หากพบว่าเป็นทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิด ทรัพย์ดังกล่าวก็ต้องตกเป็นของแผ่นดิน พร้อมขอความเป็นธรรมให้กับชุดจับกุม ไม่ได้ทำงานเพื่อกลั่นแกล้งใคร

 

ส่วนตำรวจทั้ง 8 นายที่ถูกจับจะให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่นั้น ขอให้เป็นการพิจารณาของผู้บังคับบัญชา แต่ต้นสังกัดของตำรวจแต่ละนายทราบเรื่องแล้ว และอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งตำรวจทั้ง 8 นายยังคงให้การปฏิเสธ และไม่ขอให้การในชั้นพนักงานสอบสวน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ