ย้อนคดี 'ยิงตำรวจกองปราบ' ลูกน้อง 'บิ๊กก้อง' ดับกลางสี่แยก จ.พัทลุง

 

อีกครั้งกับการสูญเสียลูกน้อง "บิ๊กก้อง" พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เมื่อ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ถูกยิงเสียชีวิต และ พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล. บาดเจ็บสาหัส ในบ้านพักของกำนันนก ในพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม

 

สาเหตุเนื่องจาก กำนันนก คนดังเมืองนครปฐม ที่มีความสนิทสนมกับตำรวจหลายนาย แล้วไม่พอใจขอให้ช่วยโยกย้ายคนใกล้ชิด แต่กลับถูกปฎิเสธ จนทำให้มือปืน ลูกน้องคนสนิทกระหน่ำยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว ตำรวจทางหลวงเสียชีวิต
 

ย้อนไปดูคดียิงตำรวจ เสียชีวิต สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เช่นกัน เป็นตำรวจกองปราบปราม ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตขณะกำลังสกัดจับคนร้าย

 

 

 

เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเย็นวันที่ 9 มี.ค. 2565 ขณะที่ พ.ต.ท.วริศร มัจฉา รอง ผกก.6 บก.ป. ได้นำกำลังตำรวจ 8 นาย พร้อมรถยนต์ 3 คัน เข้าปิดล้อมจับกุม นายจำรัส หรือ ฉุย รักจันทร์ อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาฆ่าผู้อื่นตามหมายจับของ สภ.ป่าบอน จ.พัทลุง และยังเป็นมือปืนตามประกาศจับสำนักงานตำรวจแห่งชาติลำดับ 145 

 

 

 

เมื่อสืบสวนพบว่าคนร้ายขับรถเข้ามาในพื้นที่บ้านท่าควาย อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง  ตำรวจกองปราบปราม จึงขับรถสะกดรอยตามอย่างกระชั้นชิด แต่ปรากฎว่าระหว่างนั้น ฉุย รักจันทร์ เกิดไหวตัวรู้ว่าถูกสะกดรอยตามมาจึงส่งสัญญานให้พรรคพวก ที่ขับรถอีกคัน ตามประกบด้านหลัง และด้านข้างของรถตำรวจ

 

 

 

 

จากนั้นเปิดฉากไล่ยิงใส่รถของตำรวจสนั่นหวั่นไหว ตั้งแต่บริเวณหน้าวัดบวงช้าง ม.7 ต.นาโหนด อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง เรื่อยมาเป็นระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร แต่เมื่อมาถึงบริเวณสี่แยกบ้านท่านางพรหม ถนนสายสี่แยกบ้านท่านางพรหม-ท่าควาย ม.6 ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง  

 

 

 

ฉุย รักจันทร์ และ นายวัชระ รัตนสุวรรณ์ อยู่ในรถคันเดียวกันพยายามจะขับแซงออกเพื่อเปิดทางหลบหนี แต่ปรากฎว่าบริเวณดังกล่าวมี พ.ต.ท.วริศร และ ด.ต.ชัชชัย พันธอู พร้อมกำลังอีกส่วนหนึ่งดักสกัดอยู่จึงหันกระบอกปืนยิงสาดใส่เข้าไปยังรถของ พ.ต.ท.วริศร ทันที 

 

 

 

 

ฉุย รักจันทร์ และพวก ดวลปืนกับตำรวจสนั่น ส่งผลให้ ด.ต.อนันต์ มีแสง ผบ.หมู่ กก.6 บก.ป. ถูกกระสุนของคนร้ายเข้าที่ศรีษะ เสียชีวิตทันที และ ด.ต.ชัชชัย พันธอู ผบ.หมู่ กก.6 บก.ป. บาดเจ็บ

 

 

 

หลังจากนั้นไม่นาน ตำรวจ นปพ.ภาค 9 จัดส่งกำลังตามสมทบ กระทั่งผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง เสียงปืนจึงสงบสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เมื่อตรวจสอบภายในรถพบว่า นายวัชระ ถูกวิสามัญเสียชีวิตคารถคันดังกล่าว ส่วน ฉุย รักจันทร์ อาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีไปได้ โดยนายวัชระ เป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่น และคดียาเสพติดอีก 4 คดี

 

 

 

หลังเกิดเหตุ "บิ๊กก้อง" พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุบริเวณหน้าวัดบวงช้าง และ สี่แยกบ้านท่านางพรหม ก่อนจะร่วมหารือวางแผนไล่ล่าติดตามตัวกลุ่มคนร้ายที่ยังหลบหนีทันที

 

 

 

 

เหตุการณ์ครั้งนั้นตำรวจออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง 4 ราย คือ นายจำรัส หรือ ฉุย รักจันทร์ อายุ 45 ปี, นายพงศกร หรือเจ สุวรรณมะโณ อายุ 22 ปี, นายอัฐพล หรือรวย ใหม่อ่อน อายุ 21 ปี และ นายหนึ่ง (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง)

 

 

 

กระทั่งตำรวจสอบสวนกลาง สนธิกำลังร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 9 เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายหลายจุดเและสามารถจับกุม นายพงศกร หรือเจ หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับได้ ในพื้นที่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา 

 

 

 

ส่วน "ฉุย รักจันทร์" อาศัยความชำนาญในพื้นที่ภาคใต้ หลบหนีซ่อนตัวบริเวณป่าเชิงเขาบรรทัด รอยต่อระหว่าง จ.สงขลา กับ จ.พัทลุง และหลบหนีไปตามพื้นที่ต่างๆ ตำรวจระดมกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ก็พลาดทุกครั้ง แต่ในที่สุด "ฉุย รักจันทร์" หนีไม่พ้นการสืบสวนของตำรวจกองปราบปราม หลังพบเบาะแสว่าผู้ต้องหาหนีมากบดานในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

 

 

 

 

เกือบ 1 เดือนกับการไล่ล่า "ฉุย รักจันทร์" กระทั่งวันที่ 25 มี.ค. 2566 "บิ๊กก้อง" พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำกำลังตำรวจเข้าจับกุม "ฉุย รักจันทร์" และนายอัฐพล ใหม่อ่อน หรือรวย อายุ 21 ปี ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ในที่พักแห่งหนึ่ง ย่านมหาวิทยาลัยรามคำแหง กรุงเทพฯ ก่อนนำตัวมาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปราม

 

 

 

คดีนี้แม้ว่า ฉุย รักจันทร์ เป็นมือปืนคนสำคัญ ลำดับที่ 145 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อหตุอุกอาจยิง ตำรวจกองปราบ เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ไล่ล่าอยู่นาน แต่ก็ถูกจับกุมโดยละม่อม ไม่มีการวิสามัญแต่อย่างใด