ข่าว

'มาริโอ้' เข้าพบ 'ตำรวจไซเบอร์' พรุ่งนี้ โยงขบวนการ 'สวมทะเบียน' รถโบราณ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'มาริโอ้' เข้าพบ 'ตำรวจไซเบอร์' พรุ่งนี้ โยงขบวนการ 'สวมทะเบียน' รถโบราณ แฉ ขบวนการรถจดประกอบ ปี 52 สู่การโจรกรรม รหัส 'ยูสเซอร์เนม-พาสเวิร์ด' ลอบเจาะข้อมูลระบบขนส่ง แก้ไขข้อมูลรถยนต์

 

8 ส.ค. 2566 จากคดีกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ร่วมกับ ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จับกุม 2 ตัวการใหญ่ แก๊งสวมทะเบียนรถยนต์สะสม รถโบราณ โดยใช้วิธีการเข้าไปแก้ไขในฐานข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก 

 

จนมีการสืบสวนสอบพบว่ามีดารานักแสดงชื่อดังคือ "มาริโอ้" มีการซื้อขายรถโบราณ ยี่ห้อเบนซ์  รุ่น G-300 สีขาว ในเบื้องต้น "มาริโอ้" ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่ามีการติดต่อซื้อรถมาจากรุ่นพี่อีกคนหนึ่ง โดยได้เพียงเล่มทะเบียน แต่ยังไม่ได้รถยนต์ ซึ่งก็ผิดปกติที่จะต้องซื้อขายรถยนต์ แต่ก็ต้องรอมาสอบสวนและดูเหตุผลประกอบว่าจะมีความผิดหรือไม่

 

แหล่งข่าวจาก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เปิดเผยว่า "คมชัดลึก" ในวันพรุ่งนี้ ( 9 ส.ค. 2566) เวลา 10.00 น. "มาริโอ้" จะเดินทางเข้าพบ  พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เพื่อชี้แจงที่มาที่ไปของการซื้อขายรถโบราณ

 

 

 

ย้อนไปดูการเรียก"มาริโอ้" มาให้ข้อมูลในครั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ ตำรวจไซเบอร์ จับ 2 คนร้ายในคดีนี้ อาศัยความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบ แล้วจำรหัส "ยูสเซอร์เนม-พาสเวิร์ด" ลอบเจาะข้อมูลระบบขนส่ง เข้าไปแก้ไขข้อมูลรถยนต์ โดยทำมาแล้ว 65 คัน เจ้าหน้าที่ยึดของกลางรถหรู-ซากรถ ก่อนมีข้อมูลระบุว่า ขบวนการนี้มีลูกค้าเป็นกลุ่มคนที่ชอบสะสมรถเก่า-รถโบราณ ต้องจ่ายค่าทะเบียนที่ปลอมแปลง เล่มละ 1-2 ล้านบาท

 

ตำรวจไซเบอร์ จับขบวนการสวมทะเบียนรถโบราณ

 

 

 

สำหรับรถโบราณ รถสะสมเหล่านี้ ต้องย้อนไปเมื่อปี 2552 ที่ภาครัฐมีการปล่อยให้เอกชน นำซากรถเข้ามาจดทะเบียนเป็นรถจดประกอบ จึงสบช่องให้ขบวนการทำรถเลี่ยงภาษี นำรถหรู รถสะสมเข้ามาจดทะเบียนกันจำนวนมาก

 

 

 

พฤติกรรมของกลุ่มรถจดประกอบ ที่ตอนนั้นกฎหมายอนุญาตให้ทำได้ คือ 

1. แจ้งนำเข้าซากรถมาในประเทศ บางส่วนนำโครงรถเข้ามาเสียภาษีตัวถัง 30% 
2. นำโครงรถ และแบบ 32 เอกสารนำเข้า ไปแจ้งประกอบรถที่โรงงานประกอบรถที่ได้รับอนุญาตจากกรมสรรพสามิต
3. นำรถไปเสียภาษีตามอัตราเช่น รถเล็กที่เครื่องยนต์ไม่เกิน 2800 ซีซี เสียภาษี 30% จากราคาประเมิน รถที่มีเครื่องยนต์ใหญ่เกินกว่า 2800 ซีซี จะต้องเสียในจำนวน 50% จากราคาประเมิน

 

 

 

ขณะเดียวกัน มีกลุ่มที่ลักลอบทำผิดกฎหมาย หลีกเลี่ยงภาษี อย่างเช่น
1. ผ่าโครงเข้ามา เพื่อเลี่ยงการจ่ายภาษี 30% จ่ายเป็นซากอะไหล่เพียง 3%
2. นำโครงรถ และแบบ 32 เอกสารนำเข้า ไปแจ้งประกอบรถที่โรงงานประกอบรถ และติดตั้งแก๊ส เพื่อเลี่ยงการตรวจสภาพ
3. มีกรณีตรวจยึดรถซูเปอร์คาร์ ที่เป็นรถจดประกอบ เช่น เฟอร์รารี่ ลัมโบกินี่ ติดแก๊สเพื่อเลี่ยงการตรวจสภาพ บ่อยครั้ง
4. เมื่อได้เล่มทะเบียนมา จะเปลี่ยนจากการติดแก๊ส กลับไปใช้ระบบน้ำมันเหมือนเดิม ก่อนซื้อขาย
5. หลีกเลี่ยงขั้นตอนเสียภาษีตามราคาประเมิน แต่ยอมให้เจ้าหน้าที่จับปรับ ซึ่งจะเสียภาษีแค่  3 เท่า จากนั้นจะนำใบเสร็จค่าปรับ ไปจดทะเบียนได้ 

 

 

 

ปัญหารถจดประกอบในครั้งนั้น สุดท้ายทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ มีการเรียกตรวจสอบรถยนต์จดประกอบกว่า 5,000 คัน และมีการเรียกปรับจ่ายภาษีย้อนหลังกันจำนวนมาก สุดท้ายในปี 2556 ทางกระทรวงคมนาคม ได้ออกกฎกระทรวงยกเลิกรถยนต์จดประกอบดังกล่าว

 

 

 

กระทั่งมีเหตุการณ์ที่ คนร้ายสามารถเข้าระบบของกรมการขนส่ง เข้าไปแก้ไขข้อมูลรถยนต์เหล่านี้ โดยคิดค่าตอบแทนสูงถึงคันละ 1-2 ล้านบาท ในการปลอมทะเบียนเข้าไปในระบบกรมการขนส่งทางบก

 

 

 

ส่วนการสืบสวนขยายผลล่าสุด พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่พบความผิดของเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก แต่อย่างใด

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ