ข่าว

ตม. รวบ 2 ผัวเมียไต้หวัน หนีซุกไทย หลังก่อเหตุฉ้อโกงเสียหาย 4000 ล้านบาท

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง รวบสองผัวเมียชาวไต้หวัน หลบหนีคดีฉ้อโกงเสียหาย 4000 ล้านบาท ในประเทศบ้านเกิด 20 ปี ลงทุนประเทศขนาดเล็กก่อนได้สัญชาติเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลใหม่ก่อนซุกในไทย

ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง แถลงจับสองสามีภรรยาชาวไต้หวัน ฉ้อโกงผู้เสียหายกว่า 4 พันล้านบาท โดย พล.ต.ท. ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงผลการจับกุมของ ชุดสืบสวน กองบังคับการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 1 ที่สามารถจับกุม MR. Golden อายุ 64 ปี และ MRS.Miuki อายุ 57 ปี สองสามีภรรยา ซึ่งทั้งสองคนมีหมายจับของสาธารณรัฐจีน(ไต้หวัน) หลัง ร่วมกันก่อเหตุฉ้อโกงผู้เสียหายรวมมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท และหลบหนีออกจากประเทศเป็นเวลานานกว่า 20 ปี

ตม. รวบ 2 ผัวเมียไต้หวัน หนีซุกไทย หลังก่อเหตุฉ้อโกงเสียหาย 4000 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ชุดสืบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รับการประสานจากสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทยว่าผู้ต้องหาตามหมายจับทั้งสองคนร่วมกับพวกอีกกว่า 10 ราย ซึ่งมีบางส่วนถูกจับกลุ่มไปแล้วก่อนหน้านี้ในฐานร่วมกันหลอกลวงประชาชนสำหรับพฤติกรรมของสองผัวเมียคู่นี้ เมื่อปี 2543 ได้ร่วมกับพวกรวม 14 คน เปิดบริษัทชื่อ Richmon และหลอกลวงประชาชนในประเทศไต้หวัน

โดยอ้างว่าเป็นบริษัทลูกของบริษัททางด้านการเงินชื่อดังระดับโลกและเปิดให้มีการลงทุนเพื่อแลกกับเปอร์เซ็นต์รายได้สูง จึงทำให้มีคนสนใจร่วมลงทุนดังกล่าวเป็นจำนวนมากในเฉพาะประเทศไต้หวัน มีผู้สนใจร่วมลงทุนรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 114 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4,000 ล้านบาทซึ่งทั้งคู่ เปิดบริษัทเป็นระยะเวลาหนึ่งปีก่อนจะปิดบริษัทแล้วหลบหนี ออกนอกประเทศไปนานกว่า 20 ปี

ตม. รวบ 2 ผัวเมียไต้หวัน หนีซุกไทย หลังก่อเหตุฉ้อโกงเสียหาย 4000 ล้านบาท

การหลบหนีของทั้งสองคนใช้อุบายปกปิดตัวตน ด้วยการเดินทางไปประเทศเบลีซ ประเทศขนาดเล็กริมทะเลแคริบเบียน ในทวีปอเมริกาเหนือ และมีการลงทุนจนได้รับสัญชาติและหนังสือเดินทางของประเทศเบลีซ มีการเปลี่ยนชื่อและนามสกุลใหม่ ก่อนจะเดินทางเข้าไทยเมื่อปี 2561 โดยใช้หนังสือเดินทางเบลีซ จากนั้นยังได้ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนการตรวจลงตราวีซ่าเป็นประเภท PE โดยการเป็นสมาชิก Thailand Privilege card และหลบซ่อนตัวอยู่ในคอนโดหรูย่านบางนา

จนกระทั่งตำรวจพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน คือบุคคลเดียวกับที่ทางการไต้หวันออกหมายจับ จึงได้เพิกถอนวีซ่า ซึ่งเมื่อผู้ต้องหารู้ว่าถูกยกเลิกวีซ่า จึงได้จองตั๋วเครื่องบินและเก็บสัมภาระเตรียมเดินทางไปยังสิงคโปร์แทน แต่ปรากฎว่าถูกตำรวจบุกเข้าจับกุมได้ก่อนบริเวณลานจอดรถคอนโดมิเนียม ขณะกำลังหลบหนี

ตม. รวบ 2 ผัวเมียไต้หวัน หนีซุกไทย หลังก่อเหตุฉ้อโกงเสียหาย 4000 ล้านบาท

สำหรับคดีหลอกระดมทุนบริษัท Richmon ที่ผู้ต้องหาก่อเหตุนั้น ถือเป็นคดีที่โด่งดังมากในไต้หวัน โดยนายโกลเด้นและนางมิยูกิ ได้ร่วมกับพวกกว่า 10 คนที่ถูกจับกุมไปแล้วก่อนหน้านี้ เปิดบริษัทปลอม รู้จักกันในชื่อบริษัท Richmon โดยอ้างว่าเป็นบริษัทลูกของธนาคาร Richmon ที่อยู่ภายใต้องค์กรเจนีวายุโรป ซึ่งเป็นเครือข่ายสถาบันการเงินการธนาคารที่น่าเชื่อถือระดับสากล และได้รับสิทธิ์ในการควบคุมผลิตภัณฑ์การเงิน เช่น การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า รับประกันผลตอบแทนให้นักลงทุน 

ตม. รวบ 2 ผัวเมียไต้หวัน หนีซุกไทย หลังก่อเหตุฉ้อโกงเสียหาย 4000 ล้านบาท

โดยผู้ต้องหามีการสร้างงบการเงินและงบกำไรขาดทุนปลอมมารายงานนักลงทุน เพื่อให้นักลงทุนเชื่อว่าได้ผลตอบแทนจริง ทุกๆ 2 เดือนได้กำไรมากกว่า 4% หรือมากกว่า 24% ต่อปี แต่ต่อมานายโกลเด้นกับพวกกลับแจ้งว่าบัญชีของบริษัท Richmon ที่อยู่ในสาธารณรัฐลัตเวียถูกอายัด ทำให้นักลงทุนสูญเงินทุนทั้งหมด ไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 4,000 ล้านบาทได้ แต่เมื่อมีการตรวจสอบกลับพบว่าองค์กรเจนีวายุโรป และธนาคาร Richmon ที่นำมากล่าวอ้างแล้ว ไม่ได้มีอยู่จริง

ด้าน พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ระบุว่า หลังจับกุมนายโกลเด้นและภรรยาได้แล้ว เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และหัวหน้าแผนกประสานงานอาชญากรรมประจำประเทศไทย กองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติไต้หวัน ก็ได้ร่วมสอบปากคำขยายผลเพิ่มเติม เกี่ยวกับเส้นทางการเงินและทรัพย์สินอื่นๆ ของนายโกลเด้น ตลอดจนเครือข่ายนอมินีในไทย ซึ่งเบื้องต้นพบเป็นอสังหาริมทรัพย์คอนโดมิเนียมหรูมูลค่า 15 ล้านบาท และเงินสดในบัญชีธนาคารอีก 2 ล้านบาทเศษ

“ขณะนี้ยังไม่มีการอายัดทรัพย์สินใดเนื่องจาก ต้องมีการตรวจสอบด้วยว่ามีการกระทำความผิดภายในราชอาณาจักรไทยหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นจากการตรวจสอบยังไม่พบว่ามีการกระทำผิดภายในประเทศ ส่วนเรื่องการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของทางผู้ต้องหาต้องรอเป็นดุลพินิจของศาลอีกครั้ง เนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ซึ่งเบื้องต้นขณะนี้ได้มีการผลักดันตัวผู้ต้องหาส่งกลับไปที่ประเทศไต้หวันเป็นที่เรียบร้อยเพื่อให้ทางไต้หวันเป็นฝ่ายดำเนินการทางคดีต่อไป”

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ