เจ้าของ 'สนามชนไก่' เปิดใจสุดทน ปมร้องโดน นอภ.แม่วงก์ รีด 'ส่วย' มากเกิน

19 พ.ค. 2566 นายนพดล (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี เจ้าของสนามชนไก่แห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.เขาชนกัน อ.แม่วงก์ ซึ่งส่งเรื่องไปร้องเรียนว่าถูกเรียกเก็บเงินเพื่อแลกกับการออกใบอนุญาต (พ.น.4) เพื่อให้สามารถจัดการเล่นการพนันได้ โดยเรียกเก็บเป็นรายเดือน เดือนละ 3,000 บาท  ทั้งที่ตามความเป็นจริงแล้ว การขอใบอนุญาตดังกล่าวจะเสียค่าธรรมเนียม สังเวียนละ 220 บาท ต่อเดือน ซึ่งสนามชนไก่ของผู้เสียหาย มี 6 สังเวียน จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพียงแค่ 1,320 บาทต่อเดือน

 

 

 

 

 

 

 

 

กระทั่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปป. นำกำลังเข้าจับกุมนายประสิทธิ์ นายอำเภอแม่วงก์  ถึงภายในห้องทำงาน ที่ว่าการอำเภอแม่วงก์ ต.แม่วงก์ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ซึ่งเบื้องต้นนายประสิทธิ์ ยังให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปปป. แจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 149 เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ และมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มาโดยมิชอบ ก่อนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวน ส่งต่อให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

 

 

 

 

โดยนายนพดล ระบุว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย และบ่อนไก่ของตน ก็ทำและปฏิบัติตามถูกต้องตามกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยด้วยเช่นกัน แต่ที่ต้องมาร้องเรียน เพราะตนเห็นว่า เขามาเรียกรับส่วยมากเกินไป เล่นเรียกเงินแบบนี้ ทำให้ตนแทบจะขาดทุนหรือไม่ เขาไม่สน 

 

 

 

 

 

 

นายนพดล กล่าวอีกว่าปกติแต่ละอำเภอ จะมีบ่อนสนามชนไก่ อำเภอละ 1 บ่อนเท่านั้น แต่ที่เฉพาะ อ.แม่วงก์ มีการเปิดเพิ่มขึ้นมาอีก 3 บ่อน ทั้งที่บ่อนของตนได้รับอนุญาตอย่างถูกกฎหมายเพียงเจ้าเดียว นอกจากจะเสียค่าขออนุญาตรายปีแล้ว ยังต้องมาเสียค่าดูแลเดือนละ 5 พันบาทอีกด้วย หากใครไม่จ่าย การขออนุญาตปีหน้า เขาก็จะไม่เซ็นผ่านให้ ช่วงที่ผ่านมาบ่อนของตนขาดทุนอย่างหนัก ยังโดนเรียกเก็บแบบนี้มันเกินไป ทั้งที่ขออนุญาตถูกกฏหมาย ถือว่ามารังแกกันมากเกินไป จึงต้องส่งเรื่องไปร้องเรียน ซึ่งเรื่องดังกล่าว มันเกิดตั้งแต่ที่ผู้ว่าราชการ และนายอำเภอคนนี้ ย้ายมาประจำตำแหน่งที่นี่

 

 

 

 

นางอธิสา แขขุนทด คณะกรรมการธรรมมภิบาล ประจำอำเภอแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ เปิดเผยว่า ตนไม่ทราบมาก่อน และรู้สึกช็อกมาก เมื่อรู้ว่านายอำเภอมาถูกจับ ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการใน 4 เดือนข้างหน้า ส่วนนิสัยใจคอของนายอำเภอคนนี้ ปกติจะเห็นว่าประพฤติตนดี แทบไม่มีที่ติเลย และยังมีการเขายังสั่งสอนให้ข้าราชการ และพนักงาน ลูกน้องในสังกัดของอำเภอต้องทำงานอย่างซื้อสัตย์ สุจริต ไม่ทุจริต ทำผิดกฏหมายอย่างเด็ดขาดด้วย แต่สุดท้ายกลายเป็นว่า นายอำเภอมาถูกจับข้อหาเรียกรับสินบน ซึ่งเรื่องนี้ ตนก็ยังไม่ได้สืบข้อมูลว่า จริงเท็จประการใด จึงยังไม่สามารถให้ความเห็นได้

 

 

 

รณกฤต วรรันวรกุล จ.นครสวรรค์