'บิ๊กโจ๊ก'ผลักดันเรือประมง IUU ออกนอกราชอาณาจักรหลังพบทำผิดกฎหมาย

9 มี.ค.2566 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) รับแจ้งข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 24 ม.ค.2566 มีเรือประมงชื่อ Sun Flower 7 สัญชาติเกาหลีใต้ เข้าเทียบท่าเรือกรุงเทพ ถ.ราษฎร์บูรณะ เพื่อนำเข้าปลาทูน่า น้ำหนักกว่า 4,000 ตัน มูลค่ากว่า 250 ล้านบาท ที่ได้จากการทำประมงขึ้นที่ท่าเรือดังกล่าวเพื่อนำเข้าสู่อุตสาหกรรมแปรรูปปลากระป๋อง

จึงได้สั่งการให้ตรวจสอบไปยังต้นทางที่เรือประมงลำดังกล่าวไปทำการประมงมา โดยตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องทุกประเภท เส้นทางการเดินเรือ ตลอดจนร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ องค์กรภาคประชาสังคมระดับนานาชาติ รวมถึงหาข้อมูลจากคนประจำเรือที่ท่าเทียบเรือ

 

 

 

 

ทราบว่าเรือประมงดังกล่าวได้ไปทำประมงในเขตพื้นที่น่านน้ำของคณะกรรมการการประมงแปซิฟิกตะวันตกและแปซิฟิกกลาง และเขตน่านน้ำของสาธารณรัฐคิริบาสโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีพฤติการณ์ต้องสงสัยในการทำประมงผิดกฎหมายด้วยวิธีการเก็บทุ่นลอยน้ำที่ใช้สำหรับแพล่อสัตว์น้ำ

 

 

 

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  จึงได้ประสานให้กรมประมงออกหนังสือแจ้งไม่อนุญาตให้นำเข้าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำประมงผิดกฎหมายดังกล่าว รวมทั้งออกคำสั่งให้เรือประมง Sun Flower 7 เดินทางออกจากราชอาณาจักร ซึ่งเมื่อวานนี้ (8 มี.ค.66) เวลาประมาณ 17.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ร่วมกับ ศรชล กรมเจ้าท่า และกรมประมง เข้าตรวจสอบเรือประมงดังกล่าว พร้อมทั้งเร่งดำเนินการทางเอกสารเพื่อให้เรือดังกล่าวพร้อมเดินทางออกจากราชอาณาจักรโดยทันที รวมทั้งตรวจสอบเส้นทางการเดินเรือจากระบบติดตาม AIS เพื่อให้มั่นใจได้ว่า เรือประมงดังกล่าวจะเดินทางออกจากราชอาณาจักรจริง
 

 

 

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ได้ทราบข้อมูลจากการตรวจสอบการนำเข้าสัตว์น้ำของเรือประมงดังกล่าวจนทราบว่า มีการลักลอบทำประมงผิดกฎหมายในเขตน่านน้ำต่างประเทศ ก่อนจะนำสัตว์น้ำมาขึ้นฝั่งที่ประเทศไทย  ทางเราต้องรีบดำเนินการห้ามน้ำสัตว์น้ำที่ได้จากการทำประมงผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศ เพื่อมิให้เป็นการสนับสนุนการกระทำผิด รวมทั้งจะต้องออกคำสั่งให้เรือดังกล่าวเดินทางออกจากราชอาณาจักรในทันที

 

 

 

 

รวมทั้งดำเนินการให้แน่ใจว่า จะไม่มีการแอบลักลอบนำสัตว์น้ำดังกล่าวขึ้นที่ท่าเรืออื่นใดในประเทศไทยได้อีก จึงขอเตือนไปยังภาคอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำต่างๆ ขอให้ตรวจสอบที่มาของสัตว์น้ำที่จะนำมาประกอบผลผลิตให้มั่นใจว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับการทำประมงผิดกฎหมาย ถือเป็นความรับผิดชอบต่อประเทศเนื่องจากอุตสาหกรรมนำเข้าสัตว์น้ำในต่างประเทศให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว เพื่อเป็นการแสดงเจตนาโดยชัดเจนว่า ไทยไม่สนับสนุนการทำประมงผิดกฎหมายอย่างสิ้นเชิง

 

 

 

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว สืบเนื่องจาก นโยบายรัฐบาลไทยที่ต้องการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมการประมงของประเทศให้เป็นประเทศชั้นนำระดับโลก โดยต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU FISHING) มาอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้รับการปลดใบเหลืองจากสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อต้นปี 2562 โดยไม่อนุญาตให้นำเข้าปลาที่ไม่สามารถพิสูจน์แหล่งที่มาอย่างสิ้นสงสัย เข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมแปรรูปในประเทศโดยเด็ดขาด