ข่าว

“ชูวิทย์” แฉยับ วงการสีกากี มีภาพพาหลบหนี มั่นใจ "ตู้ห่าว" รอดแน่

“ชูวิทย์” แฉยับ วงการสีกากี มีภาพพาหลบหนี มั่นใจ "ตู้ห่าว" รอดแน่

14 ธ.ค. 2565

"ชูวิทย์" แถลงยืนยัน "เครือข่ายตู้ห่าว“ คือกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ แฉมีหลักฐาน ตำรวจส่งขึ้นเครื่อง หอบหลักฐาน บินออกนอกประเทศ แลกรับ 10 ล้าน ทั้งที่ควรคุมเข้า ตม.

นาย "ชูวิทย์" กมลวิศิษฎ์ เปิดแถลงคดี ตู้ห่าว เผยข้อมูลที่ชี้ชัด พฤติกรรมของผู้ต้องหา เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยก่อนเริ่มแถลง นายชูวิทย์ นำน้ำยาฟอกขาวมาโชว์ ระบุ เป็นประเด็นสำคัญในวันนี้ และยังบอกว่า วันนี้ตนติดเข็มยุติธรรมธำรง และปรากฎตัวในฐานะพลเมืองที่จะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งตนเองได้หลักฐานหลายอย่างมาจากตำรวจน้ำดี

 

นายชูวิทย์ ระบุ กลุ่มจีนเทา ตู้ห่าว ที่เข้ามาทำลายสังคมไทย ถือเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยผับจินหลิงถือเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งการเข้าไปทลายผับแห่งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เชื้อปะทุไปเปิดโปงส่วนอื่นๆ ที่มีส่วนร่วมกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาตินี้ 

 

ดังนั้น จึงต้องดำเนินคดีกับนายตู้ห่าวให้ได้ โดยเฉพาะในข้อหาสมคบฟอกเงิน เพื่อที่จะได้สามารถตรวจสอบเส้นทางทางการเงินได้ นำไปสู่การทำคดีองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ แต่ตอนนี้ตำรวจไม่ดำเนินคดีข้อหาเกี่ยวกับการฟอกเงินกับนายตู้ห่าว โดยอ้างว่ามีการดำเนินคดีในข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดถึง 3 ข้อหา ซึ่งเป็นข้อหาที่หนักแล้วแต่ตนมองว่า เป็นการเอามดมาบังช้าง และมั่นใจว่า นายตู้ห่าวจะต้องหลุดคดียาเสพติด เพราะมีการทำลายหลักฐานต่างๆ ที่จะมัดตัวไปหมดแล้ว

นาย "ชูวิทย์" ตั้งคำถามไปยังการทำงานของ พล.ต.ท.โทธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ว่า มีความสะเพร่า และละเลย ตู้ห่าว หรือไม่  จากการเข้าตรวจค้นผับจินหลิง มีการพบยาเสพติด พร้อมกลุ่มคนจีน 265 คน ซึ่งมีทั้งคนที่ตรวจปัสสาวะไม่พบและพบยาเสพติด 

 

เหตุใดจึงไม่สามารถมองออกว่า เป็นสถานที่มั่วสุมยาเสพติด ไม่ใช่แค่สถานบริการที่ไม่มีใบอนุญาต ตำรวจควรจับกุมทั้ง 265 คนมาเพื่อตรวจโทรศัพท์มือถือ หาที่มา ที่ไป ของสถานที่แห่งนี้ แต่ตำรวจกลับปล่อยตัวคนที่ตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด รวมถึงปล่อยตัวคนไทยที่เป็นเด็กเสิร์ฟ ไม่ได้มีการสอบปากคำใครเลย

 

นายชูวิทย์ ยังโชว์บันทึกการจับกุม ที่ตำรวจระบุว่า เป็นผู้ดูแลสถานที่ของผับจินหลิง โดยบอกว่าบุคคลดังกล่าว เป็นเพียงพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่ใช่ผู้ดูแล ซึ่งตำรวจจับมาและทำให้กลายเป็นแพะ มีความผิดฐานตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่นานก็ปล่อยตัวบุคคลนี้ออกมา และเอากลับมาเป็นพยานในคดี 

 

กรณีนี้สำหรับตนถือว่า เป็นพยานที่เปื้อนแล้วเพราะเคยเป็นผู้ต้องหามาก่อน ดังนั้น พยานปากนี้จะทำให้ศาลเชื่อไม่ได้ว่าให้การโดยบริสุทธิ์ใจ ไม่มีการถูกขู่เข็ญหรือต่อรอง

 

“ชูวิทย์” แฉยับ วงการสีกากี มีภาพพาหลบหนี มั่นใจ \"ตู้ห่าว\" รอดแน่

 

“ชูวิทย์” แฉยับ วงการสีกากี มีภาพพาหลบหนี มั่นใจ \"ตู้ห่าว\" รอดแน่

นาย "ชูวิทย์" ยังกล่าวถึงพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา 2 คน ที่พาตัวการสำคัญของเรื่องนี้ คือ นาย David Haw และหลานของนาย ตู้ห่าว หลบหนี โดยนาย David เป็นบุคคลที่นำยาเสพติดทั้งหมดมาจำหน่ายในผับจินหลิง โดยตนมีหลักฐาน เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด แสดงให้เห็นว่าพนักงานสอบสวนทั้ง 2 คน ขับขี่จักรยานยนต์พานาย David และหลานนายตู้ห่าวไปฝากขังที่ศาล และเมื่อทั้ง 2 คนได้รับการประกันตัว พนักงานสอบสวนก็พาขี่จักรยานยนต์ไปส่งกลางทาง

 

ก่อนขึ้นเครื่องบินหลบหนีออกนอกประเทศ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วควรพาไปส่งที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ตนมีข้อมูลว่า รอง ผกก.จร. สน.ลาดพร้าว รับเงิน 10 ล้าน ในการดำเนินการ และแบ่งเงินกับพนักงานสอบสวนทั้ง 2 คน

 

ส่วนรถหรู 35 คันที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุ ขอถามไปยัง พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ หนึ่งในชุดจับกุม ว่าทำไมจึงดูไม่ออกว่า ภายในรถมียาเสพติด และไม่ได้ทำการตรวจสอบจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ โดยอ้างว่าไม่มีกุญแจรถ ส่วนรถ 4 คันที่ปล่อยคืนเจ้าของไปแล้ว 

 

ตนมีข้อมูลว่า มียาเสพติดพร้อมเงินสดอยู่ภายในรถ หากจะเรียกรถคืนมา ยาเสพติดกับเงิน ก็คงไม่อยู่แล้ว เพราะได้ใช้เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวของนายตู้ห่าวขนหลบหนีไปหมดแล้ว นั่นเป็นเพราะตำรวจปล่อยเวลาไว้นานมากกว่าจะเข้าไปตรวจสอบ

 

ทั้งหมดนี้ คือ กระบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ถูกปิดปาก โดยตำรวจ อดีตตำรวจ และยังเชื่อมโยงไปถึงนักการเมืองคนหนึ่ง โดยตำรวจเป็นผู้ตัดตอน ด้วยการทำสำนวนให้อ่อน เพื่อจะได้ไม่่นำไปสู่การตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายตู้ห่าว เพราะมันเป็นเงินการเมืองที่นำจากนักการเมืองมาฟอกด้วยการเปิดธุรกิจโรงแรม โดยนายตู้ห่าวไม่มีทางที่จะมีเงินมากถึง 5 พันกว่าล้าน ภายในระยะเวลา 10 ปี

 

ดังนั้น เมื่อตำรวจไม่ทำ ตนก็จะทำเอง โดยเตรียมจะเข้าร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้สอบสวนพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา 2 คน และพ.ต.อ.ณัฐพล กับประเด็นที่ได้กล่าวไป และจะพาดพิงไปถึงสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองด้วย

 

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า วันศุกร์นี้ ตนจะนำรถไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมกับจะสอบถามผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร.ว่า ทำไม ผบช.น.ถึงทำงานแบบนี้ และทำไมถึงไม่ตั้งข้อหาสมคบฟอกเงินกับนายตู้ห่าว ซึ่งตนจะขอให้ ผบ.ตร.ออกมาชนเรื่องนี้ให้เพราะตนไม่มีอำนาจวาสนา นายชูวิทย์ ยังได้กล่าวไปถึงนายกรัฐมนตรีว่า ควรจะออกมาสั่งการเรื่องนี้ด้วย

 

นายชูวิทย์ บอกอีกว่า กลุ่มคนจีนได้วางแผนด้วยการซื้อหุ้นไทยไว้ และเดินทางเข้ามาเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ไทย จากนั้น โอนหุ้นที่ซื้อไว้เข้ามาในบัญชีและขายหุ้น ก็จะได้เงินสดที่ฟอกขาวแล้ว และนำเงินไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งวิธีการนี้เป็นการวางแผนระยะสั้น แต่ยังมีการวางแผนระยะยาว ที่เรียกว่า ขบวนการอุ้มท้องซื้อพ่อ ที่นายชูวิทย์ได้เคยเปรยไว้ในการแถลงข่าวครั้งก่อน 

 

โดยบอกว่าการโอนหุ้นถือเป็นการวางแผนระยะสั้น แต่ขบวนการอุ้มท้องซื้อพ่อเป็นการวางแผนระยะยาวในการจะกลืนประเทศไทย ด้วยการทำให้ชาวต่างชาติสามารถมีบัตรประชาชนไทย โดยสามีภรรยาชาวจีนจะใช้วิธีให้ภรรยาตั้งท้อง และเข้ามาจ้างชายไทยให้แอบอ้างเป็นพ่อของเด็กและไปฝากท้องที่โรงพยาบาล จากนั้นภรรยาชาวจีนคลอดเด็กออกมาก็ไปดำเนินการแจ้งเกิด ไปสูติบัตรเป็นคนสัญชาติไทย 

 

เมื่ออายุครบ 7 ปี ก็สามารถทำบัตรประชาชนไทย สามารถซื้อบ้านได้ โดยอ้างว่า แม่ซื้อให้แล้วใส่เป็นชื่อลูกและเมื่ออายุครบ 13 ปี ก็สามารถจัดตั้งบริษัทได้ โดยถือหุ้น 51% บริษัทก็จะเป็นสัญชาติไทย สามารถที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน และมีสิทธิอื่นๆ ที่บริษัทต่างชาติไม่สามารถทำได้

 

“ชูวิทย์” แฉยับ วงการสีกากี มีภาพพาหลบหนี มั่นใจ \"ตู้ห่าว\" รอดแน่

 

 

“ชูวิทย์” แฉยับ วงการสีกากี มีภาพพาหลบหนี มั่นใจ \"ตู้ห่าว\" รอดแน่