เปิดปฏิบัติการ"ไททาเนียม" กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ทลายขบวนการโจรกรรม"รถหรู"จากประเทศอังกฤษ ก่อนนำมาขายในไทย จำนวน 35 คัน
เมื่อวันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI และ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมแถลงข่าว ผลการดำเนินการตรวจยึดรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมจากประเทศอังกฤษ
กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับคำร้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศ ในเรื่องทางอาญา (MLAT) จาก หน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมแห่งชาติ ของสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ ประจำกรุงเทพฯ NCA : National Crime Agency ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำการสืบสวนสอบสวน กรณี ขบวนการโจรกรรมรถยนต์ราคาสูงจากประเทศอังกฤษ จำนวน 35 คัน และนำเข้ามาในประเทศไทย โดยผิดกฎหมาย โดยให้ช่วยสืบสวนและยึดรถยนต์ เพื่อส่งคืนผู้เสียหายที่แท้จริงในอังกฤษ และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ซึ่งต่อมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับไว้เป็นคดีพิเศษที่ 78/2561 นั้น
ทั้งนี้ เมื่อในระหว่างปี พ.ศ.2559-2560 หน่วยข่าวกรองอาชญากรรมยานยนต์แห่งชาติ สหราชอาณาจักร (NaVCIS : National Vehicle Crime Intelligence Service) ร่วมกับตำรวจนครบาลลอนดอน (London Metropolitan Police) ได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวนภายใต้ชื่อ“ปฏิบัติการไททาเนียม”(Operation Titanium) กรณี ขบวนการโจรกรรมรถยนต์ราคาสูงส่งออกจากสหราชอาณาจักร แล้วนำเข้ามาในประเทศไทย มีกลุ่มคนไทย (ที่มีโชว์รูมจำหน่ายรถหรู) ร่วมมือกับกลุ่มคนต่างชาติในอังกฤษ เป็นขบวนการทำการโจรกรรมรถยนต์ราคาสูงในอังกฤษ โดยเครือข่ายกลุ่มหนึ่งเป็นผู้ติดต่อทำสัญญาเช่าซื้อหรือเช่ารถยนต์ (ระยะสั้น) แล้วนำไปส่งมอบให้กับเครือข่ายอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ในการจัดทำเอกสารเท็จหรือปลอม อาทิ ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading) ใบแจ้งหนี้ (Invoice) จากนั้นรถยนต์จะถูกส่งออกจากอังกฤษทางเครื่องบินจากสนามบินฮีทโธรว์ ไปยังประเทศสิงคโปร์ แล้วขนส่งทางเรือจากประเทศสิงคโปร์เข้ามายังประเทศไทย จำนวน 35 คัน
การดำเนินการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2560 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (คพ.ที่ 120/2559) ได้ร่วมกันนำหมายค้นไปตรวจค้นเป้าหมาย 9 จุด ที่สงสัยว่าจะมีรถยนต์ดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ ผลการตรวจค้นปรากฏพบรถยนต์ที่มียี่ห้อ รุ่น สี และเลขตัวรถ (chassis) ตรงตามบัญชีรถยนต์ของอังกฤษ จอดอยู่ที่โชว์รูมของ บจ.ส.ธรรมธัชช (STT. Auto Car) 2 แห่ง จำนวน 7 คัน จึงได้ยึดและอายัดไว้
ต่อมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้รับแจ้งจากกรมศุลกากรว่ามีบริษัทรถยนต์จากประเทศอังกฤษ ประสานมาว่าเป็นรถที่ถูกโจรกรรม อยู่ในเขตปลอดอากร (Free Trade Zone) จึงเข้าตรวจสอบและยึดอายัด จำนวน 6 คัน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2561 อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้อนุมัติให้สอบสวนกรณีดังกล่าว เป็นคดีพิเศษ ที่ 78/2561 และต่อมาในวันที่ 10 กันยายน 2561 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศ ในเรื่องทางอาญา (MLAT) จากอังกฤษ ผ่านอัยการสูงสุดในฐานะผู้ประสานงานกลาง โดยขอให้ทางอังกฤษสอบสวน ตรวจสอบข้อมูลและจัดส่งพยานเอกสารและหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับรถยนต์ จำนวน 35 คัน ที่ถูกโจรกรรมมาให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้ที่นำรถยนต์ดังกล่าวเข้ามาโดยผิดกฎหมาย
ในวันที่ 13 กันยายน 2564 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับเอกสารและพยานหลักฐานต่างๆ ของรถยนต์ 35 คัน ดังกล่าวจากอังกฤษ ที่เป็นการกระทำความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทยได้กระทำลงนอกราชอาณาจักร อัยการสูงสุด ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ จึงได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ทำการสอบสวนคดีนี้ โดยมอบหมายให้พนักงานอัยการทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานสอบสวน คดีพิเศษ และให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีนี้ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565
ต่อมา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวขอบคุณประชาชนผู้ที่เป็นผู้ซื้อ และครอบครองรถยนต์ ทั้ง 26 คัน ซึ่งเมื่อคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ติดต่อประสานไป โดยได้ชี้แจงพร้อมแสดงเอกสารพยานหลักฐานให้ทราบว่ารถยนต์ดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เสียหายในอังกฤษที่ถูกโจรกรรมมา ท่านเหล่านั้นก็ยอมรับข้อเท็จจริงและได้ยินยอมส่งมอบรถยนต์ จำนวน 23 คัน ให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ยึดเป็นของกลางในคดี
ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นผู้ซื้อและครอบครองรถยนต์ทั้ง 26 คัน ที่ได้ส่งมอบรถยนต์ให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ยึดเป็นของกลางแล้วนั้น ท่านสามารถใช้สิทธิตามกฎหมาย (แพ่ง) ฟ้องร้องผู้ที่จำหน่ายรถยนต์ให้ท่านได้ ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ยินดีสนับสนุนพยานหลักฐานและเป็นพยานให้ท่าน ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ซื้อโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน
สำหรับบุคคลที่เป็นผู้ที่ครอบครองรถยนต์อีก 9 คัน ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ติดต่อประสานไปแล้ว แต่ยังไม่ยินยอมส่งมอบรถยนต์ให้ ขอแจ้งให้ทราบว่ารถยนต์ดังกล่าวถือเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด หากไม่ยอมส่งมอบ ท่านอาจจะตกเป็นผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง